ผมต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้ผมใช้เป็น iPhone 5 แล้วหลังจากที่ใช้ iPhone 4 มานานกว่า 1 ปีกว่า ราคาขายไปทำให้ได้ค่าเสื่อมของเครื่อง คือประมาณ 670 THB ต่อเดือน ที่ผมคิดเป็นแบบนี้ เพื่อให้คุณเห็นภาพครับว่า การที่คุณเลือกใช้โทรศัพท์หรือมือถือ หรือแม้จะเป็น computer Notebook หรือแท็ปแล็ทอะไรก็แล้วแต่ มันจะเกิดค่าเสื่อมอันเนื่องมาจากการใช้งานครับ เพราะ เมื่อคุณซื้อมาแล้ว คุณก็จะสามารถที่จะขายต่อมันได้ สำหรับสินค้าโทรศัพท์ประเภทนี้
ผมเคยมีประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนที่ซื้อโทรศัพท์ Android รุ่นเอวันอะไรสักอย่างที่คนไม่ค่อยจะรู้จักเท่าไหร่ เมื่อคุณซื้อออกมาจากร้านโทรศัพท์ ราคาจะตกลงทันทีครึ่งหนึ่ง ! เหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า ร้านค้าถ้าหากว่าอยากจะซื้อกลับในสภาพที่ดีที่สุด เหมือนเพิ่งซื้อไปใช้ 1 วันอะไรทำนองนี้ ร้านค้าไม่อยากจะเอากลับมาขายสักเท่าไหร่ เหมือนกับว่าขายได้ก็บูญแล้ว ทำให้ราคาขายกลับตกลงอย่างรุนแรง (มาก) โทรศัพท์ประเภทนี้ไม่แนะนำให้ซื้อสักเท่าไหร่
เหตุผลว่า ทำไมคุณต้องซื้อโทรศัพท์รุ่นที่ท็อปฮิตเท่านั้น
ขายต่อได้ราคา : iPhone เป็นโทรศัพท์ที่ฮิตมาก และทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี มีระบบการตั้งราคาเพื่อให้ราคาขายต่อเหมาะสมจากทาง Apple อีก มันเกี่ยวกันนะครับ เพราะ ถ้าหากว่า คนจะซื้อ iPhone มือสองก็จะมีเทียบกับราคาที่ว่าถ้าหากว่าซื้อใหม่มันราคาเท่าไหร่กัน แน่นอนครับว่า คนที่จะซื้อนั้นจะให้ราคามือสองต่ำกว่า ราคามือหนึ่ง และ ในทางกลับกันคุณจะไม่สามารถกำหนดราคาเสนอขายสินค้ามือสองได้ด้วยราคาที่มากกว่าสินค้ามือหนึ่งไปได้ (ยกเว้นว่าของขาดตลาด หรือว่าต้องรอนาน กรณีแบบนี้ทำให้ร้านตู้โทรศัพท์ทั้งหลายสามารถกำหนดราคาได้สูงกว่าราคาที่ซื้อตามศูนย์)
วิธีการคิดน่าเสื่อมและ การประเมินค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการมีโทรศัพท์ใช้ผมเคยพิมพ์เอาไว้แล้วเข้าไปอ่านกันได้ที่นี่ครับ
โอกาสขายต่อได้สูง : เพราะการตลาดของโทรศัพท์รุ่นนั้นๆ มีการโปรโมตตลอดเวลาเหมือนเป็นการสร้างความมต้องการ ให้กับมือถือมือสองของคุณยังไงอย่างงั้น แม้ว่าจะไม่ได้เป็นการโปรโมตตรงๆก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าน่าจะมีส่วนช่วยเรื่อง โอกาสที่ทำให้มีคนสนใจโทรศัพท์ยอดฮิตอย่างงั้นอยู่ครับ ลองคิดดู โอกาสการขายนั้นจะมีผลต่อราคาที่คุณกำหนด เช่น ถ้าหากว่าคุณลอง post ขายเป็นมือสองไปแล้ว แล้วพบว่าไม่มีคนต้องการสักเท่าไหร่ ติดต่อเข้ามาน้อยมาก คุณเองนั่นน่ะหละ จะรู้สึกว่า เอ… หรือว่าราคาที่ตั้งเอาไว้ มันขายไม่ค่อยได้เท่าไหร่ คุณอาจจะต้องปรับราคาลงมาเพื่อทำให้เกิดโอกาสการขายได้มากขึ้นยังไงอย่างงั้น
กลยุทธ์ในการซื้อโทรศัพท์แบบคนมีเงิน
ถ้าหากว่าคุณมีทุนสักหน่อย การซื้อ iPhone มือหนึ่งเพื่อกะว่าจะขายต่อเพื่อซื้อโทรศัพท์รุ่นที่มัน Update กว่านั้น ให้คุณคิดว่ามันมีค่าเสื่อมทีเกิดหรือค่าเช่าโทรศัพท์ต่อเดือนเพื่อใช้ในการพิจารณาครับ อย่างกรณีผม การ upgrade จาก iPhone 4 มาเป็น iPhone 5 นั้นจะเกิดค่าการเสียค่าเครื่องโทรศัพท์ 670 THB ต่อเดือนซึ่ง ผมก็รับได้สำหรับการใช้งานอย่างคุ้มค่า (ใช้ทุกอย่าง)ครับ การ upgrade จากรุ่นต่อรุ่น จะทำให้ต้นทุนค่าเสื่อมโทรศัพท์นั้นสูงขึ้นได้ เช่น การ upgrade จาก iPhone 4S มาเป็น iPhone 5 จะทำให้เกิดต้นทุนค่าเสื่อมประมาณ 800 บาทขึ้นไปต่อเดือนซึ่งบางคนก็อาจจะมองว่าแพง หรือถูกได้ไม่เหมือนกันครับ
กลยุทธ์ที่ประหยัดสุด ๆ พ่วงกับความเสี่ยง
กรณีนี้อาจจะมีความเสี่ยงนิดหน่อยเรื่องของการประกัน เพราะ การประหยัดสุดๆนั้นก็คือ การซื้อมือสองแล้วก็ไปขายต่อเป็นมือสอง(สังเกตุว่าจริงๆแล้วภาษาไทยเราใช้คำว่า สินค้ามือสองเท่านั้นไม่ได้เป็นสินค้ามือสามหรือสี่หรือ ไม่ได้ใช้คำว่า โทรศัพท์ใช้แล้วเหมือนกับพวกฝรั่งที่จะเรียกกับว่า used condition) แบบนี้จะทำให้เกิดค่าเสื่อมได้ประหยัดสุดๆ แค่คุณจะไม่ได้ใช้อุปกรณ์ที่ใหม่สุดๆเท่านั้นเอง แต่ นั่นกลับเป็นเรื่องดี ! เพราะอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดจะราคาตกลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นเคสมัน สายมัน หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพราะคนที่ทำหน้าที่ขายก็อยากจะปล่อยของที่คาดว่าอีกไม่นานก็ตกรุ่นแล้วนั่นเอง โอ้วดีอะไรแบบนี้ นอกจากจะได้ค่าเสื่อมประหยัดสุดๆแล้ว ยังจะได้อุปกรณ์ต่อพ่วงในราคาประหยัดด้วยยังไงล่ะครับ
อย่างไรก็ดี ข้อดีเหล่านั้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงด้วยเหตุผลเดียวกันก็คือ โทรศัพท์เป็นรุ่นเก่าถ้าหากว่าอยากจะใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมอะไรอาจจะทำให้หาไม่ได้แล้วก็เป็นไปได้ หรือ เพราะเรื่องมันเก่าอาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องโทรศัพท์เสีย หรือ อุปกรณ์ชิ้นส่วนภายในเสียได้อีกต่างหาก แล้วแน่นอนว่า ไม่มีการรับประกันอีกต่อไป ซึ่งถ้าหากว่าอยากจะทำให้กลับมาใช้ได้ ก็จะต้องเสียเงินเพื่อซ่อมตามร้านค้าด้วย rate ที่อาจจะแพงเอาการก็ได้ ( ไม่มีคนบอกได้) ทั้งนี้ นี่เป็นแค่ความเสี่ยงเท่านั้น หากว่า คุณถามพฤติกรรมการใช้งานของคนที่คุณซื่้อมาแล้วล่ะก็ … น่าจะประเมินโอกาสความเสี่ยงนี้ได้เพิ่มเติมครับ แม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นเรื่องมั่วๆก็ตามที
