การเลือกประกันโควิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่คนไทยกำลังจะเริ่มฉีดวัคซีนกัน

การเลือกซื้อประกันโควิดนั้นก็เพื่อป้องกันการกระชากทางการเงินที่เราอาจจะต้องไปจ่ายเงินค่าโง่ที่ไปติดเชื้อโควิดเข้ามาที่บ้าน หรือ การที่เราติดจากที่ทำงาน หรือเพื่อนๆที่เข้ามาที่บ้านของเรา ส่วนมาก แล้วคนที่ติดต่อกับนั้นมักจะเกิดจากคนใกล้ชิด ครอบครัว หรือพี่น้องที่เจอกันประจำโดยที่เราจะไม่รู้ตัว ไม่ได้เป็นเพราะว่าเราไว้ใจคนเหล่านั้นอะไรหรอก แต่คนเหล่านั้นมาที่บ้าน ทำให้ไม่ได้ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการรับเชื้อโรคโควิดที่เป็นการไหลโปรยผ่านอากาศระยะใกล้ได้ แต่สถานการณ์กำลังจะเปลี่ยนไปจากเดิมมากทีเดียว ตั้งแต่เดือน มิถุนายนนี้เป็นต้นไป จะมีคนที่เรียกว่า คนสูงอายุ คนที่ 7 โรคกลุ่มเสี่ยง จะเริ่มได้รับการฉีดวัคซีนฟรีจากเงินภาษีประชาชน โดยจะเป็นการฉีดยาประเภทสองเข็มด้วยกัน คือ ซีโนแว็คและเอสตร้าเซเนก้า ทำให้คนที่ได้รับการฉีดเหล่านี้ อาจจะเริ่มเข้าใจผิดได้ในหลากหลายประการด้วยกัน 

ขอย้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะอ่านเนื้อความนี้กันต่อไปว่า การฉีดวัคซีนจะทำให้โอกาสการเข้าโรงพยาบาล การป่วยหนัก การต้องเข้าไอซียู และ โอกาสการตายจากการติดโควิดนั้นน้อยลงไปมากๆต่างหาก นั้นเป็นวัตถุประสงค์หลักของการฉีดวัคซีน ซึ่งแปลว่า หากมองเทียบกับเงื่อนไขการประกันโควิดต่างๆก็แปลความได้ว่า มันจะทำให้ลดโอกาสในการเข้าโรงพยาบาลเพื่อการรักษาเป็นสำคัญ 

การฉีดวัคซีนนั้นลดโอกาสที่คุณจะป่วยหนัก ทั้งแบบที่หนักถึงต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อการรักษาอาการาต่างๆ และแน่นอนว่ามันจะรวมไปด้วยอาการโคม่า หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อโควิด แปลว่า คุณจะมีโอกาสในการเครมประกันเครมส่วนของการเข้าขั้นวิกฤต การเข้ารักษาพยาบาลแล้วโคม่า พวกนี้ออกไปเมื่อคุณได้รับวัคซีนแล้วมีภูมิ ดังนั้น ข้อแนะนำสำหรับการเลือกซื้อประกันโควิด กรณีที่คุณกำลังจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิดแบรนด์ใดๆก็ตาม อาจจะมองส่วนของการเงินได้ค่าประกันคืนจากการโคม่าให้น้อยลงได้ หรือ อาจจะไม่ได้เป็นสาระทำให้การเลือกประกันโควิดเมื่อคุณได้รับวัคซีนแล้วหรือกำลังจะได้รับก็ตาม 

โอกาสที่คุณจะไม่มีภูมิเมื่อคุณได้รับวัคซีนนั้นยังมีอยู่

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณจะต้องรู้ว่าเชื้่อตายหรือการใช้เทคนิคอื่นๆสำหรับการสร้างภูมินั้นทั้งสองตัวที่เราใช้กับอยู่ทั้ง ชิโนแว็คและเอสตร้าเซเนก้านั้น ไม่ได้ทำให้ทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนมีภูมิได้ เพราะ ได้เห็นกราฟประชากรที่ผ่านการฉีดมาแล้วปรากฏว่า มีบางคน (น้อยคน) นั้นพบได้ว่า ภูมิไม่ขึ้นก็มีเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า ฉีดเหมือนไม่ฉีด แล้วก็อีกส่วนหนึ่งก็พบว่า ผู้ฉีดนั้นมีภูมิแต่ไม่ได้มากถึงระดับเท่ากับคนที่ผ่านการติดโควิดมาแล้ว ปัญหาเรื่องนี้มีเพียงประการเดียวที่ไม่มีคนบอกได้ว่า ภูมิต้องมีมากเพียงใดถึงจะป้องกันการตายได้ หรือ ภูมิมากแค่ไหนถึงจะป้องกันการเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงได้ (ไม่มีการกำหนดเส้นอะไรพวกนี้) แต่จากข้อมูลนั้นบอกได้ว่า เกือบทั้งหมด (เน้นว่าเกือบนะไม่ใช่ทั้งหมด) เมื่อฉีดแล้วจะภูมิปรากฏให้เห็นขึ้นได้ เท่ากับว่านั้นน่าจะเพียงพอต่อการป้องกันการเข้าโรงพยาบาลระดับโคม่าได้นั่นเอง 

ภาพแสดงประชากรตัวอย่างของคนไทย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจะพบได้ว่า แม้นว่าจะฉีดเข็มสองของ SINOVAC ก็ปรากฏว่ามีบางคนนั้นภูมิน้อยเหมือนกับคนไม่ได้ฉีดเลยก็ยังมี! หรือคนที่ฉีดเอสตร้าเซเนก้าแล้วคนที่ภูมิน้อยหลักร้อยหน่วยนั้นก็ยังมีเช่นเดียวกัน! ภาพนี้ได้จากการวัดค่าภูมิโดยสถาบันทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือของประเทศไทย (ไม่ได้มโนเอาเองแต่อย่างใด)

หากว่าคุณอยากมั่นใจว่าคุณจะมีภูมิระหว่างที่คุณกำลังจะใช้ชีวิตแล้วปลอดภัย ส่วนตัวแล้วแนะนำอาจจะไปเสียเงินเพื่อวัดค่าภูมิก็ทำได้เช่นเดียวกันซึ่งคนส่วนมากแล้วจะไม่เลือกหรือไม่รู้ว่าจะทำการวัดค่าภูมิพวกนี้ แต่อย่างใด จากข้อสังเกตตั้งแต่ตอนที่มีการฉีดวัคซีนบุคคลากรทางการแพทย์ ก็มีได้ยินเช่นเดียวกันว่าก็พบว่ามีบุคคลากร ทางการแพทย์เหล่านั้นก็ยังคิดโควิด แล้วลองเอาไปวัดภูมิก็เห็นได้ว่าภูมิไม่ขึึ้น (แม้ว่าสัดส่วนจะไม่มากก็ตาม)

ประกันที่คุณควรเลือกสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 

ภาพตัวอย่างหลักเกณฑ์ในการเครมเงินกับแบบประกันที่เน้นการคุ้มครองอาการแพ้ด้วยวงเงินหลักล้าน โดยคุณจ่ายเงินแค่หลักร้อยเท่านั้นเอง กดที่ภาพเพื่อไปซื้อแบบประกันที่แนะนำได้ทันที

เราแนะนำเป็นอย่างมากว่า ให้คุณเพิกเฉยกับประกันที่เน้นไปที่อาการรุนแรงของการติดโควิดลงได้ เพราะ หากว่าคุณได้รับวัคซีนแล้วและ คุณมีภูมิแล้ว คุณจะแทบไม่มีโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงได้เลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ดี ตอนนี้ ภาครัฐยังคงกำหนดว่า ถ้าหากว่าคุณเป็นโควิด คุณจำเป็นต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอาไว้ก่อนทั้งโรงพยาบาลปกติ หรือโรงแรมที่แปลงตนเองเป็นโรงพยาบาล และ อีกแบบคือโรงพยาบาลสนาม โดยทั้งหมด นั้นจะเสียค่าใช้จ่ายไม่เท่ากันทั้งหมด เพราะงั้นแล้ว คุณจะต้องเลือกว่าคุณจะเครมประกันลักษณะใดเป็นสำคัญ เช่น ถ้าหากว่า ตั้งใจว่า ถ้าหากว่าติดพบเชื้อและแน่นอนว่าโดนบังคับกักตัว (ที่ไม่สามารถกักที่บ้านได้) แล้วคุณอยากจะกินหรูอยู่สบายเหมือนกับบ้าน การเลือกโรงแรม ASQ นั้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่าทุกแบบอย่างแน่นอน ที่แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายมากกว่าแบบอื่นๆ ดังนั้น เราแนะนำให้คุณเลือกประกันที่เน้นไปที่ยอดเงินที่ชำระทันทีเมื่อพบการตรวจโควิดแล้วแสดงหลักฐานได้ว่าเชื้อในร่างกายคุณ คุณก็จัดการเครมเงินก้อนเหล่านี้มาทั้งก้อน เช่น 50,000 บาท หรือ แนะนำว่าจะเอาให้เหลือเฟือเลยแนะนำให้สมัครเอาไว้สองกรมธรรม์เอาไว้ก่อน เพื่อให้ได้เงินเป็นแสนขึ้นไป โดยคุณจะเลือกโรงแรมได้หรูมากเท่าที่อยากจะได้เลยก็ว่าได้ เมื่อคุณมีวัคซีนเข้าร่างกายและมีภูมิแล้ว คุณจะไม่มีอาการ และ มีโอกาสแค่เพียงอาการเบาๆเท่านั้น แต่เหตุที่รัฐยังคงกำหนดให้คุณแยกไปส่วนตัวเพราะ เพื่อทำให้คุณไม่สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นๆได้ในเวลานี้ เพราะ คนฉีดยังน้อยเอามากๆ เรียกได้ว่า เริ่มเดือนมิย.นี้ก็คนที่มีเชื้อภูมิในร่างกายนั้นมีไม่ถึง 2% เลยด้วยซ้ำไป แปลว่า ทุกๆ 100 คนที่คุณเดินผ่าน จะเห็นว่า 98 คนนั้นไม่มีภูมิเพื่อป้องกันโควิดจากคุณได้เลยนั่นเอง และ แน่นอนว่า กว่ารัฐจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเหล่านี้ก็คาดว่าน่าจะอีกนาน เพราะ เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ว่ากว่าคนทั้งหมดกว่า 80% ของประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีน อาจจะเป็นปีก็เป็นไปได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่บอกอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สถานที่ต่างๆจะบริกาณฉีดวัคซีนประชาชนต่อวันได้มากน้อยเพียงใดกว่าจะเปิดเศรษฐกิจได้จริงและ ยกเลิกการบังคับคนที่ตรวจพบเชื้อเข้าไปกักตัวยังสถานบริการทางสาธารสุขเหล่านั้น 

จุดที่มีการประกันโควิดเข้ามาเกี่ยวข้องหลักใหญ่มีทั้งหมดสามตำแหน่ง

  1. การประกันด้วยสภาพการติดโควิด จะเป็นประกันประเภทที่เมื่อคุณไปตรวจด้วยวิธีการที่กำหนดเอาไว้โดยเงื่อนไขของผู้รับประกัน หากว่า คุณเป็นโควิด คุณสามารถเครมเงินส่วนนี้ได้ ประกันเหล่านี้ มักจะใช้คำว่า เจอ จ่าย จบ และ จะไม่มีการใช้จุดเงื่อนไขอื่นๆหลังจากนี้แล้ว
  2. การประกันด้วยสภาพการแอดมิดเข้าโรงพยาบาล เนื้อหาของกรรธรรม์จะบอกว่า ค่ารักษาเท่าใด แยกเป็นประเภทห้องประเภทการรักษา ค่าหมอ หรือค่าอื่นๆแล้วแต่รายละเอียดจะกำหนดเป็นส่วนๆไป พร้อมทั้งยังอาจจะมีแสดงส่วนของการให้รายได้คืนด้วย เช่น ถ้าหากว่าคุณเข้าโรงพยาบาลจะขจ่ายเงินคืนให้ต่อคืนเท่าใด เพื่อเป็นค่าชดเชยรายได้ต่อวันที่คุณไม่ได้ทำงาน
  3. การประกันด้วยสภาพโคม่า เรียกว่า ถ้าหากว่าคุณไปสุดสายของการป่วยเป็นโควิด สถานการณ์นี้ถือว่ารุนแรงและคุณจะเริ่มขึ้นมาก ถ้าหากว่าคุณซื้อประกันในระดับนี้ เพราะ มันจะเกิดค่าใช้จ่ายมากเป็นพิเศษมากกว่า สถานะของร่างกายคุณในแบบอื่นๆ
  4. การประกันด้วยสภาพการเสียชีวิต นั่นก็แปลว่า ถ้าหากว่าคุณตายแล้วคนอื่นจะได้เงินไม่ใช่คุณเอง เพราะ คุณได้ตายไปแล้ว ไม่มีโอกาสใช้เงินเหล่านั้นหรือเอาเงินเหล่านั้นไปใช้จ่ายแทนค่ารักษาอะไรได้ โดยปกติแล้วจะให้ตามชื่อคนที่คุณกำหนด และ หากคุณคิดถึงกรณีนี้ ยังไงเสีย มันไม่ได้เกิดความคุ้มทุนจากมุมมองของคุณเอง แต่มันเป็นตัวป้องกันสภาพโหลดทางการเงินให้กับคนอื่นในครอบครัวของคุณแทนไปได้ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น (หากคุณเป็นคนหารายได้ให้กับครอบครัวเพียงคนเดียว)

ทีนี้เรามาดูกันดีกว่า เมื่อคนที่ฉีดวัคซีนออกไปแล้ว น่าจะเกิิดพฤติกรรมอะไรเพิ่มเติมที่เป็นความเสี่ยงที่คุณจะทำให้คุณได้รับเชื้อมากกว่าเดิม มากกว่าตอนที่ทุกคนไร้วัคซีนก็ว่าได้ 

คนที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้วน่าจะเกิดการเปลี่ยนทางความคิดและความเข้าใจที่ผิดๆต่อไปนี้ได้ 

  1. ฉีดแล้วสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดได้ : ซึ่งประโยคนี้เป็นเท็จโดยสมบูรณ์ เพราะ การฉีดวัคซีนนั้น มิได้เป็นการป้องกันการติดเชื้อแต่อย่างใด หมายความอีกนัยหนึี่งก็คือ คนที่ฉีดแล้วก็ยังมีโอกาสที่ติดเชื้อโควิดได้อยู่เช่นเดียว โดยโอกาสการติดจะมากจะน้อยขึ้น มันขึ้นกับว่าคนๆนั้นที่ฉีดแล้ว เริ่มเข้าไปดุ้มสู้กับความเสี่ยงมากขึ้นหรือไม่อย่างไร เช่น ถ้าหากว่าคนฉีดโควิดแล้ว เค้าจะรู้สึกได้ว่า น่าจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างน้อยก็เหมือนกับระลอกหนึ่งหรือสองได้ ก็แปลว่า มันจะเสี่ยงติดโควิดมากขึ้น เมื่อเทียบกับพฤติกรรมการอยู่บ้านแบบไร้คนเข้ามาเยี่ยมแวะที่บ้านนั่นเอง เพราะงั้นแล้ว ความเสี่ยงในการติดโควิดนั้น มีแนวโน้มน่าจะมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะพฤติกรรมและแนวคิดเหล่านี้อยู่แล้ว โดยสรุป ความเสี่ยงของการคิดเชื้อโควิดนั้นจะมากขึ้นต่างหาก หากมองเป็นภาพรวมของคนในสังคมแล้วนั่นเอง 
  2. ฉีดแล้วจะมีภูมิได้ทันที : เปล่าเลยกว่าจะการขึ้นภูมิน้้นมีข้อแนะนำว่า ก็ต้องรอให้มันขึ้นประมาณ 3-4 สัปดาห์หลังจากการฉีด โดยแยกส่วนออกเป็นสองวีคซีนฟรี(จากเงินภาษีประชาชน)ทั้งสองยี่ห้อ ที่ไม่เหมือนกัน โดยชิโวแว็คเข็มสองและเอสตร้าเซเนก้าเข็มแรก แล้วรอไป 3-4 สัปดาห์แล้วถึงจะมีภูมิ เน้นอีกประเด็นว่า การใช้ซีโนแว็คเข็มแรกขอให้คิดเอาไว้ก่อนว่าจะยังไม่มีภูมิมากเพียงพอเพื่อป้องกันการตายจากโควิดได้ เพราะงั้นแล้วอย่าเพิ่งไปฉลองอะไรหากคุณฉีดเข็มเดียวของซิโนแว็ค
  3. ฉีดแล้วฉันจะกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนก่อน new normal : ซึ่งมันยังทำไม่ได้หรอกจนกว่าจะฉีดกันมากพอแล้วกว่า 80% ของคนทั้งประเทศ และ/หรือ มียาที่รักษาอาการโควิดได้เป็นอย่างดีแล้วเท่านั้น เพราะ หากคนยังฉีดน้อยๆอยู่การระบาดนั้นยังคงดำเนินไปอยู่เช่นเดียวกัน ใช่แหละ คนที่ฉีดวัคซีนแล้วภูมิขึ้นก็จริงแต่อย่างว่ามันไม่ได้ช่วยลดการระบาดเท่าใดนัก ดังนั้นแล้ว หากคุณอยากจะมีเตียงเข้าไปนอนได้หรือมีไอซียูได้หากคุณต้องใช้มันจริงๆ คุณยังคงต้องช่วยกันไม่ให้ตัวคุณติดโควิดอยู่แล้วเหมือนเดิมเลยทุกประการ แค่ว่ามันไม่ได้น่ากลัวเหมือนเดิมแล้วแค่นั้นเอง
  4. คนที่ฉีดวัคซีนแล้วจะเริมประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นอันได้แก่การเดินทางท่องเที่ยวซื้อสินค้าหน้าร้านและพบปะผู้คน : พฤติกรรมเหล่ายังคงกระทำได้เมื่อเขามีภูมิและแน่นอนว่ามันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงกว่าเดิม โดยที่ตัวเขานั้นจะแลกความโอกาสติดกับการที่ผลเสียมันน้อยลงกว่าเดิมมาก คนเหล่านี้ จะเริ่มกินดื่มร้านอาหารมากกว่าเดิม เดินทาง ท่องเที่ยวและใช้บริการต่างๆมากขึ้น เพื่อทำให้เศรษฐกิจนั้นดำเนินการไปมากขึ้น โดยที่เขานั้นไม่ได้ตั้งใจหรอกว่าจะทำอะไรเพื่อคนอื่น เพียงแต่เขาสามารถสนองความต้องการเชิงเศรษฐศาสตร์ของตนได้เหมือนกับช่วงการระบาดของโควิดระรอกแรกและสองได้ 

การเลือกประกันโควิดให้คิดว่าใครเสี่ยงในการติดโควิดมากสุดในบ้านแล้วเลือกจากความเสี่ยงจากคนๆนั้นเป็นหลัก

ทั้งนี้ เราแนะนำให้คุณใช้ลักษณะประเภทการประกันโควิดแบบเดียวกันทั้งครอบครัว เพราะ คนในครอบครัวที่พักในบ้านอาศัยเดียวกันนั้น จะถือว่าได้ มีความเสี่ยงต่อโรค และ ความเสี่ยงต่อการติดโควิดเทียบเท่ากันโดยสมบูรณ์ เพราะ รู้อยู่หรอกว่า ไม่มีหรอกที่คนที่บ้านจะใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยระหว่างที่พบปะพูดคุยกัน หรือ แย่กว่านั้น ก็คือคนเหล่านั้นอาศัยในห้องเดียวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่ทุกบ้าน ที่จะมีการแยกห้องนอนของคนทุกคนได้อย่างแน่นอน ทำให้ คุณต้องคิดว่า โอกาสการติดนั้นเท่ากับ โอกาสที่มากที่สุดของคนในบ้านนั่นเองเป็นต้น การคิดแบบนี้ จะทำให้คุณเลือกแบบประกันโควิดได้เหมาะสมกับพฤติกรรมคนที่เสี่ยงที่สุดของบ้านได้ อย่าคิดว่า เพราะเราไม่ได้ออกไปไหนแล้วเลือกจากความเสี่ยงจำเพาะตนนั้นไม่น่าจะกระทำได้ด้วยเหตุผลที่ว่ามันไม่ใช่การคิดที่ถูกต้องแต่ประการใด 

คิดแยกประเด็นระหว่างโอกาสติดและโอกาสตายออกจากกัน 

คนที่มีโอกาสติดนั้นถือว่าเท่ากัน โดยเท่ากับคนที่มีโอกาสมากที่สุดในบ้าน แต่สำหรับโอกาสตายและหรืออาการโคม่านั้นแต่ละคนจะไม่เท่ากับ เพราะ เป็นเรื่องเชิงสถิติที่ได้รับการพิสูจน์สรุปกันออกมาแล้วว่า ถ้าหากว่า คนที่เป็นโรค NCD ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดันสูง โรคอ้วน หัวใจและอื่นๆที่เป็นโรคยอดฮิตที่คร่าชีวิตคนอยู่แล้วในสภาพการณ์ปกติแม้นว่ามันจะไม่ได้มีโควิด โรคเหล่านั้นคือโรคที่ทำให้เมื่อคุณคิดโควิดแล้วเวลาการตายของคุณนั้นกระชับเข้ามาเหลือเพียง 1 หรือ 2 เดือนอย่างมากแค่นั้นเอง (หรือเร็วกว่านั้นอีกสำหรับกรณีส่วนใหญ่) นอกนั้นเหตุแห่งการเสียชีวิตมันก็สัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้นด้วย เพราะ คนที่ตายส่วนใหญ่จะอายุมากเกินกว่า 50 ปีขึ้นไปเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% เลยก็ว่าได้ แปลว่า แม้นว่าคนที่อายุน้อยจะติด  (โอกาสติดสูง) แต่กลับมีโอกาสตายหรือโคม่าที่ต่ำกว่าคนที่อายุมากๆ 

หากสังเกตดีๆ คุณจะพบได้ว่า “ประกันโควิด” ไม่ได้กำหนดอายุคุณจะต้องมีอายุเท่าใด แปลว่า เขาเอาความเสี่ยงเหล่านี้ระหว่างคนอายุน้อยและอายุมากมาถัวเฉลี่ยเอาไว้แล้วทั้งหมด เพราะงั้น หากคุณอายุมากกว่าค่าเฉลี่ย คุณจะได้ความคุ้มค่าจากการซื้อประกันโควิดที่มากกว่าคนหนุ่มสาวนั่นเอง ความคุ้มนี้ คือ ความคุ้มค่าเมื่อคุณเลือกเงื่อนไขประกันโควิดแบบจ่ายเพื่อรองรับโคม่า ตาย หรือ อาการรุนแรงอื่นๆแบบเข้า รพ. แต่อย่างที่บอกว่า ตอนนี้ ให้คุณเลือกโดยมองแค่ เจอจ่ายจบเป็นสำคัญ เพราะ คุณได้ฉีดวัคซีนแล้ว โอกาสตายมันแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ ทำให้การซื้อนั้นต้องมองไปที่ประเด็นเหล่านี้เป็นสำคัญ และ โอกาสติดนั้นจะมากขึ้น อย่างไรก็ดี มันจะถูกทำให้สมดุลด้วยการที่คุณนั้นไม่การแสดงอาการ และ แปลว่า คุณเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปตรวจอีกต่างหาก ยังไงก็ลองคิดประเด็นเหล่านี้ดูเองว่าจะซื้อเพื่อคุ้มความเสี่ยงของการเป็นแล้วไม่รู้ตัวเหล่านี้ได้ด้วยหรือไม่ 

การประกันการแพ้วัคซีนโควิดที่เรากำลังจะได้ฉีดกันในอนาคตอันใกล้นี้ 

โอกาสการแพ้วัคซีนที่เป็นอาการโคม่านั้นถือว่าน้อยเอามากๆ แต่มีโอกาสเกิด โอกาสนั้นน่าจะน้อยเท่าๆกับที่คุณจะได้รางวัลที่หนึ่งของฉลากกินแบ่งรัฐบาลบนดินอะไรประมาณนั้น ซึ่งแน่นอนว่า มันเป็นการซื้อหวยที่โดนกินเกือบแน่นอนอยู่แล้ว แต่มันก็คิดได้อีกแบบก็คือ ถ้าหากว่าคุณคิดว่าคุณซื้อล้อคตารี่โดยคาดหวังว่าคุณจะได้รางวัลที่หนึ่งได้ ก็แปลว่า คุณก็คาดหวังว่าคุณจะซื้อประกันแพ้วัคซีนเพื่อให้ได้เงินรางวัล (เงินเครมสำหรับการประกันอาการรุนแรง) ได้ด้วยอัตราและโอกาสแบบเดียวกันเช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าคุณชอบลุ้นเราแนะนำให้คุณลงเงินหลักร้อยเพื่อเสี่ยงดวงในเรื่องดังกล่าวแล้วเดินไปฉีดวัคซีนกันได้เลย 

ส่วนตัวแล้วการประกันนั้นทำให้คุณมั่นใจได้มากกว่าเดิมว่า ถ้าหากว่าคุณคิดเชื้อแล้วจะไม่ได้โดน shock load ทางการเงินได้อย่างแน่นอน คุณเพียงจ่ายเงินต่อคนแค่หลักร้อยหลักพันเท่านั้น แต่คุณจะได้รับเงินความเสี่ยงเมื่อคิดเชื้อมากกว่าหลักหมื่นและหากเป็นโคม่าก็จะเป็นหลักแสนกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็มีเยอะคนมากๆแล้ว ที่เครมเงินจากกลไกเหล่านี้ (แน่นอนว่าเจ้ามือยังกำไรอยู่เพราะคนไม่ได้เครมก็เยอะมากกว่าเช่นเดียวกัน มันก็เหมือนกับคนขายล็อคตารี่หรือเจ้ามือหวยอะไรแบบนั้นเลยแหละ) สถานการณ์การฉีดวัคซีนจะทำให้ค่าทางสถิติการประกันนั้นแตกต่างออกไปจากเดิมมากโดยที่ประเมินไม่ค่อยจะได้ว่ามันจะเกิดเหตุไปทิศทางใด เพราะ มันก็มีหลายประเทศที่มีการเปิดประเทศเพราะมีการฉีดวัคซีนกันมากแล้วแต่ก็ทำให้เกิดการระบาดได้มากกว่าเดิมเช่นเดียวกัน (คุณเครมเงินได้ถ้าหากว่าคุณซื้อประกันแบบตรวจเจอจบจ่าย) เอาล่ะ … ตาคุณแล้วที่คุณจะต้องเลือกซื้อประกันอะไรเพิ่มเติมเอาไว้เมื่อคุณได้เริ่มฉีดวัคซีนกันแล้วล่ะ ไปกันเลย 

Submit your comment

Please enter your name

Your name is required

Please enter a valid email address

An email address is required

Please enter your message

rackmanagerpro.com © 2024 All Rights Reserved

Rackmanagerpro.com all right reserved 2007 - 2019

Copyright by Rackmanagerpro.com

Content Creted by Rackmanagerpro.com