สำหรับการทำธุรกิจนั้นเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือ การรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง (เค้าว่าเอาไว้อย่างงั้นนะ) เอาเป็นว่าถ้าหากว่าการแข่งขันเป็น online business เสียแล้ว การรู้ว่า หน้าเว็บของคู่แข่งนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอะไรนั้นถือได้ว่าเป็นการดีที่สุด ปกติแล้ว เราจะกำหนดให้เจ้าหน้าที่การตลาดคอยติดตามความเปลี่ยนใดๆ หรือ การโฆษณาใดๆของบริการหรือธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันทุกช่องทางเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อดูว่าธุรกิจคู่แข่งนั้นได้ออกบริการอะไรใหม่ออกมาหรือไม่ หรือ พบว่ามีสินค้าหรือบริการใดเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งราคาการเสนอบริการมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยการโทร update เหมือนกับว่าเป็นลูกค้าโดยตรง โดยใช้บริษัทจำแลงเป็นการสอบถามข้อมูล (เราไม่แนะนำให้ใช้บริษัทตัวเองไปติดต่อพนักงานขายของคนอื่นเขา เพราะเดี๋ยวนี้แค่ Google ครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเบอร์นี้มาจากบริษัทใด และ บริษัททำการบริการใดหรือไม่ เพราะอาจจะโดนสืบสอบกลับมาได้ไม่ยาก)
ข้อแนะนำพื้นฐานที่เอาไว้ติดตามคู่แข่งได้ดีที่สุดและไม่ผิดกติกาใดๆก็คือ การติดตามข้อมูลที่เป็นสาธารณะ อันได้แก่ LINE@ ของบริการคู่แข่ง หน้า Facebook Feed หรือแม้กระทั่ง website
สำหรับบทความนี้เราพบว่า ระบบอื่นๆนั้นไม่ได้ต้องออกแรงอะไรเพราะเมื่อคู่แข่งมีการขยับเนื้อหาใดๆที่เป็นสาธารณะผ่านทาง LINE@ หรือ LINE feed เราจะเห็นทันที เหมือนกับลูกค้า แต่สำหรับหน้าเว็บแล้ว เป็นอะไรที่ติดตามได้ยากกว่าเพราะ มันเป็นข้อมูลที่เป็น passive มากกว่ามาก เรียกได้ว่า วิธีการเดิมๆที่ใช้ก็คือ การติดตามหน้าเว็บโดยการเข้าไปดูหน้าเว็บทางตรงและ สังเกตว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นงานที่ ไม่ได้งานสักเท่าไหร่ เพราะ เนื้อหาหน้าเว็บนั้น เรียกได้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก หากเป็นหน้าเว็บสำหรับธุรกิจ (หน้าการตลาด) ดังนั้นเมื่อเราเข้าไปเราก็แทบจะมองไม่ออกหรอกว่า เค้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า หน้าราคามีการแสดงราคาที่แตกต่างไปจากเดิมหรือไม่ ซึ่งส่วนมากเราจะพบว่า เข้าไปแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร
แต่ Tools ที่แนะนำสำหรับเนื้อหานี้คือ มันจะมีบริการที่คอย ping check หน้าเว็บคนอื่นว่ามีการเปลี่ยนแปลง html coding ใดๆหรือเปล่า หรือ แม้กระทั่งหน้าเว็บทั้งส่วนที่เป็นเนื้อหา หรือ แม้กระทั่งภาพ Vitual ใดๆที่คนจะเห็นได้ผ่านหน้าเว็บ เราก็กำหนดให้ Tools ตัวนี้มาแจ้งเราเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่า ไม่ต้องไปเสียเวลาเข้าเว็บคนอื่นกันแล้ว เอา AI bot ไป ping ยิงด้วยความถี่ที่เราพอใจเพื่อที่เราจะได้รับ email notification และดูภาพก่อนหลังของการเปลี่ยนแปลงนั้นว่า คู่แข่งได้ทำการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาหน้าเว็บอะไรไป ณ วันใดได้เลย
Hexowatch.com นั้นตัวที่เป็น Version Free เราสามารถกำหนดให้ทำการปิงเว็บได้มากหลายเว็บแต่เขาเลือกกำหนดจำนวนการปิงเช็คต่อเดือนแทน เช่น ถ้าหากว่าเราต้องการให้ hexowatch ดูเว็บหนึ่งๆทุกวัน แปลว่า เราจะเสียพลังงานทั้งหมดในการตรวจก็เท่ากับ 30 ครั้งไปแล้ว Free version นั้นเค้าจะให้เราใช้ได้ 75 checkings ต่อบัญชีเท่านั้น ดังนั้นแล้ว อย่างที่ได้กล่าวไปว่า เว็บบริษัทส่วนมาก จะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยอยู่แล้ว เราแนะนำให้คุณเลือกการตรวจสอบเพียงสัปดาห์ละครั้งก็ยังไม่ได้สายอะไรเกินไปมากนัก หรือ ถ้าหากว่าคุณดิบหน่อยก็สามารถสร้าง Gmail Account ออกมาเพิ่มเพื่อให้ได้หน่วยของการเช็คมากขึ้นกว่าเดิมต่อเดือนได้เช่นเดียวกัน ไม่ได้ผิดกติกาที่เขากำหนดเอาไว้อะไร
