เมื่อวานก่อนมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของเครื่องฟอกอากาศของเสี่ยวหมี่ที่เรียกได้ว่า เป็นรุ่นสำหรับคนทั่วไป คือ รุ่น Xiaomi Mi Air Purifier 3 โดยรุ่นก่อนหน้าคือรุ่น Xiaomi Mi Air Purifier 2S สำหรับบทความนี้อยากจะเล่าเรื่องว่าแล้วระหว่างรุ่น 3 และ รุ่น 2S มันมีอะไรแตกต่างกันบ้างเพื่อให้คุณได้เลือกได้ว่า คุณจะเลือกซื้อรุ่นไหนในระหว่างที่มันมีจำหน่ายทั้งสองรุ่น ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า ในที่สุดสำหรับรุ่นเล็กสุดนั้นก็จะเหลือรุ่นเดียวที่จำหน่ายในที่สุด เฉกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วกับเครื่องฟอกอากาศเสี่ยวหมี่รุ่น 2 ที่ได้ทำการยกเลิกการผลิตไปก่อนหน้านี้แล้ว (ซึ่งแน่นอนว่ามันถูกที่สุดแล้วในตลาด)
สำหรับเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Mi Air Purifier 3 รุ่นนี้ต้องบอกก่อนว่าส่วนตัวแล้วไม่ได้มีโอกาสเอามาใช้เองที่บ้าน เพราะ บ้านเต็มไปด้วยเครื่องฟอกอากาศ XiaoMi Mi Air Purifier รุ่นที่ 2 ไปหมดแล้วก็ใช้การไม่ได้มีความจำเป็นจะต้อง update อะไร มันไม่ได้เหมือนกับโทรศัพท์นะ ที่ต้องออกใหม่แล้วดูว่ามันมี Feature อะไรใหม่เพื่อต้องอัพเดท เครื่องฟอกอากาศมันก็เป็นแค่เครื่องฟอกอากาศอยู่วันยันค่ำน่ะแหละ เพราะ เป้าประสงค์สำหรับเครื่องฟอกอากาศ คือ เครื่องพึงฟอกดูดกรองฝุ่นพวกตัวปัญหาเช่น PM2.5 ให้น้อยลงไปได้ในห้องที่เราอยู่อาศัย (ในบ้าน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน เป็นต้นอะไรพวกนี้)
XiaoMi Mi Air Purifier 3 จะมีความสามารถที่มากขึ้นแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ถ้าหากว่าเทียบกับ Xiaomi Mi Air Purifier 2S คือ ความสามารถในการดูดอากาศได้มากขึ้นกว่าเดิมโดยจะมากกว่ารุ่น 2S ขึ้นไปอีก 29% (จำกลมๆก็ได้คือ 30% หรือหนึ่งในสาม) ก็แปลว่า แต่เดิมมีการกำหนดความเหมาะสมว่า ถ้าหากว่าห้องที่ใช้กับ XiaoMi Mi Air Purifier 2S จะเท่ากับหรือน้อยกว่า 32 ตารางเมคร (สำหรับการเปิดแรงสุด) แต่ถ้าหากว่าเป็นรุ่นนี้จะรองรับขนาดห้องไปได้ถึง 48 ตารางเมตรกันไปเลยทีเดียวเชียวแหละ ! เพราะงั้นแล้ว มันจะเหมาะกับห้องที่ใหญ่กมากขึ้นไม่ต้องไปใช้รุ่นโปรก็ได้ถ้าหากว่าบ้านของคุณ มันขนาดห้องประมาณเท่าที่เสป็กนี้กำหนดเอาไว้
การที่ Xiaomi Mi Air Purifier 3 มันมีความสามารถในการดูดอากาศกรองฝุ่นได้มากกว่าเดิม นั้นมี เหตุผลอยู่เพียงอย่างเดียว คือ ความสามารถของระบบใบพัดและมอเตอร์ของใบพัดนั่นเอง มันสามารถส่งกำลังแรงได้มากกว่าเดิม และ ดีไซน์ในการดูดอากาศได้มากกว่าเดิม ย้ำหน่อยน่ะครับว่าเป็นความสามารถในการดูดไม่ใช่การปล่อยอากาศ ต้องคิดแบบนี้น่ะครับว่า เครื่องฟอกอากาศไม่ใช่พัดลม ที่จะทำหน้าที่ตรงกับข้าม คือ ถ้าหากว่ามองว่าเป็นพัดลม มันจะมองที่กำลังส่งและแรงลมที่ออกจากเครื่องพัดลมเท่านั้น มันไม่ได้สนหรอกว่า จะมีการดูดอากาศไหลผ่านพัดลมเท่าไหร่ แต่ ไม่เหมือนกับเครื่องฟอกดูดอากาศ เราเน้นความสามารถในการดูดอากาศให้ไหลผ่านตัวกรองให้ได้มากที่สุดและกระจายอากาศออกไปให้ทั่วห้องได้ดีที่สุด ทำให้ Design ของเครื่องฟอกอากาศเสี่ยวหมีนั้นเป็นการดันอากาศออกไปที่ด้านบน และ การดูดและปล่อยอากาศเป็นทิศทางทรงกระบอก ไม่ได้เป็นด้านหน้าที่มีทิศทางแน่นอนหันไปทางด้านใดด้านหนึ่ง
ทั้งนี้หากมองความสามารถในการปล่อยอากาศเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์นั้น อาจจะด้อยกว่ารุ่น Xiaomi Air Purifier Pro สักเล็กน้อยโดยถ้าหากว่าให้สรุปเสป็กสำหรับสินค้าเครื่องฟอกอากาศของเสี่ยวหมี่ก็พอจะสรุปได้ว่าเป็นดังตารางต่อไปนี้ เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อได้อย่างเหมาะสมกับขนาดของห้องของคุณ
จากการสังเกตจากตารางที่ผมได้ทำการสรุปออกมาจะพบได้ว่า “เครื่องกรองอากาศเสี่ยวหมี่ 3” จะได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ามาแทรกเป็นส่วนหนึ่งของช่องว่างของพื้นที่ระหว่างรุ่น 2S และ รุ่น Pro เสียมากกว่า เพื่อให้ครอบคลุมทุกขนาดของห้องให้ได้มากที่สุด โดยคนซื้อแต่ละคนก็จะต้องกลับไปคิดว่า ห้องของเรานั้นมีขนาดเท่าไหร่แล้วก็ซื้อให้ตรงกับขนาดของห้อง ง่ายๆ เท่านั้นเอง
คุณอาจจะมีคำถามว่าแล้ว ถ้าหากว่าเราเลือกรุ่นที่ไม่ได้ตรงกับขนาดของห้องล่ะ เช่น ความสามารถในการทำความสะอาดาอากาศน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับขนาดห้อง หรือ มากเกินไปเมื่อเทียบกับขนาดของห้อง คำตอบก็คือ …
- กรณีที่คุณเลือกรุ่นที่เล็กกว่าขนาดของห้อง สิ่งที่เกิดก็คือ ความฟุ้งของมวลอากาศาสะอาดจะไม่ทั่วห้องง่ายๆตรงไปตรงมาตามนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความใช้ไม่ได้ซะที่ไหนกันล่ะ เพราะ ถ้าหากว่าคุณดูดีๆ แต่ละรุ่นนั้น มันจะมีส่วนที่ตัวเลขขนาดห้องซ้อนกันอยู่ เช่น รุ่น 2S จะมีห้องที่แนะนำคือ 21-37 และรุ่น 3 จะมีขนาดห้องแนะนำคือ 32-48 ตร.ม. แปลว่าถ้าหากว่าคุณมีห้องขนาด 34 ตารางเมตร อาจจะเลือกรุ่นเล็กกว่าก็ได้เหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างกันก็คือความเร็วในการทำความสะอาดมวลอากาศของห้องนั้นๆเท่านั้นเอง เลือกที่ใหญ่เกินกว่าขนาดห้อง จะทำให้ความเร็วในการทำความสะอาดมันก็มากกว่าตามไปด้วย
- สำหรับกรณีที่คุณเลือกรุ่นที่ใหญ่กว่าสำหรับขนาดห้องที่เล็กกว่าที่แนะนำสำหรับเครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นๆ แน่นอนว่า มันจะทำให้การกรองอากาศนั้นเร็วเป็นพิเศษ เพราะ มวลอากาศมันน้อยกว่าความเร็วของการดูดอากาศได้อย่างเห็นได้ชัด เพราะงั้น สำหรับคนมีเงินมากกว่าคนอื่นๆ ก็แนะนำซื้อรุ่นแพงกว่าขนาดห้องได้เหมือนกัน ไม่ผิดอะไรเว้นแต่ว่ามันแพงกว่ารุ่นเล็กก็เท่านั้นเอง หากเรื่องเงินไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญอะไรก็เลือกใหญ่ไว้ก่อนได้เลย !
สำหรับคนที่มีแนวคิดประหยัดเอาไว้ก่อนเหมือนผม ก็อาจจะเลือกทางเลือกแบบนี้ก็ได้คือ ซื้อเครื่องเล็กหลายเครื่องแทนก็ได้เช่นเดียวกัน มันมีข้อดีอยู่ประเด็นหนึ่งคือ ลองคิดดูตามผมก็ได้ว่า ถ้าหากว่าคุณซื้อเครื่อง xiaomi air purifier pro มาเลยทีเดียว มันจะทำให้คุณสามารถฟอกอากาศได้แค่ห้องเดียวเท่านั้น แต่ ในทางกลับกัน หากคุณมีสองเครื่องเล็ก แล้วคุณมีพื้นที่ใหญ่ ก็เพียงแค่ยกเครื่องที่สองมาทำงานพร้อมกันโดยวางไว้คนละมุมของห้อง มันก็จะมีความสามารถดีกว่าการที่มีเครื่องเดียวด้วยซ้ำไป ! และ การใช้งานนั้นจะยึดหยุ่นกว่ามากอีกด้วย อยากจะเอาไปตั้งสองห้องก็ได้ หรือ อยากจะยกไปยกมาก็ทำได้สะดวกกว่า (เพราะแน่นอนว่าเครื่องฟอกอากาศรุ่นเล็กมันก็จะเล็กกว่าและเบากว่ายกย้ายได้สะดวกกว่าอย่างเห็นได้ชัด)
เอาล่ะครับ ถึงเวลาที่คุณจะเข้าไปเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศเสี่ยวหมี่กันเองได้แล้ว โดยผมทำลิงค์เอาไว้ด้านล่างนี้แยกตามรุ่นเพื่อให้คุณเห็นราคาในตลาดตามรุ่นกันไป แล้วคุณตัดสินใจเอาเองน่ะครับว่า จะเลือกซื้อรุ่นไหนจำนวนเท่าไหร่เพื่อใช้สำหรับบ้านแสนรักของคุณ
ดูราคาเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 2S กดที่นี่
ดูราคาเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier 3 กดที่นี่
ดูราคาเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier Pro กดที่นี่
ดูราคาเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Air Purifier MAX กดที่นี่
ลืมบอกไปประเด็นนึงก็คือ เครื่องฟอกอากาศทุกรุ่นที่คุณเห็นทั้งหมด จะใช้ตัวกรองอากาศเหมือนกันเลย คือ เขาทำออกมามีขนาดเดียว ถ้าหากว่า เครื่องที่ใหญ่ขึ้้นมันก็จะกินตัวกรองอากาศมากกว่ารุ่นที่เบาหรือเล็กกว่า คุณสามารถอ่านรายละเอียดในการเลือกประเภทตัวฟิลเตอร์กรองอากาศของ Xiaomi เพิ่มเติมได้จากบทความเก่าเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศเสี่ยวหมี่ปี 2018
แนะนำให้เลือกเครื่องฟอกของเสี่ยวหมี่รุ่นไหนดีล่ะแบบนี้สำหรับปี 2020
เพราะว่าปีนี้ มีเครื่องฟอกอากาศ ที่เรียกว่าเป็นตัว Top จาก Xiaomi ออกมาก็คือรุ่น 3H ซึ่งถ้าหากว่า ให้ส่วนตัว ผมแนะนำแล้ว ให้เลือกรุ่นนี้เลย เพราะราคาต่างจากรุ่นก่อนหน้าก็ประมาณพันกว่าบาทนิดหน่อย เราจะได้ความสามารถของเครื่องมากขึ้นไปอีก 30% และ ทำให้เราสามารถทำความสะอาดอากาศ (ฟอกอากาศ) ได้มากขึ้น และ เร็วขึ้นได้ด้วยเมื่อจำเป็นต้องทำการฟอกอากาศอย่างเร่งด่วนที่สุด ด้วยความต่างของราคาที่ไม่ได้มากจนเกินไป การเลือก spec. ที่ดีไปเลยจะทำให้คุ้มเงินในระยะยาวได้มากกว่า
นอกจากนี้ สำหรับคนที่แคร์ความสามารถของการฟอกจริงๆแล้วล่ะก็ .. เครื่องฟอกอากาศรุ่น 3H ของเสี่ยวหมี่นี้ มันจะมีความสามารถในการอัดดันอากาศให้ผ่านแผ่นกรองอากาศที่ละเอียดมากกว่าปกติได้ขึ้นไปอีก และ มันเรียกว่า Air Filter Enhanced Version มันจะเป็นสีเทา ซึ่งตอนนี้ คุณอาจจะไม่เห็นว่ามีวางจำหน่ายเท่าไหร่เพราะว่า เครื่องรุ่น 3H เพิ่งออกมาได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น และ เราเป็นประเทศแรก ที่เรียกได้ว่าได้มีโอกาสใช้กันก็ว่าได้ หากคุณจะเลือกเครื่องฟอกเผื่ออนาคตไปเลยก็เลือกรุ่นนี้ถือได้ว่า คุ้มในระยะยาวที่สุด
แต่สำหรับคนที่ต้องการประหยัดเงินเอาไว้สักหน่อย เรียกได้ว่า เน้นการประหยัดเงินเดี๋ยวนี้ เครื่องฟอกอากาศ รุ่น Xiaomi Air Purifier 2S ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ไม่ได้ล้าสมัยซะทีเดียวเท่าไหร่ สำหรับ บ้านหรือห้องที่ไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่มากนัก เช่นเดียวกัน
คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:
- https://www rackmanagerpro com/compare-xiaomi-air-purifier-3/