วิธีอ่านหนังสือให้เร็วต้องอ่านเป็นสรุปความมาเลยเร็วสุดๆ !(หยุดเสียชีวิตกับการอ่านหนังสือหากคุณไม่ชอบอ่าน)

น้องผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับ business เคยคุยกันอยู่เหมือนกันว่า น่าจะเป็น audio book เพื่อให้คนอื่นเอาไปโหลดฟังในรถแต่ว่าก็ไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้สักที เพราะการที่ทำเป็นสรุปความเป็นเสียงนั้นจะทำให้การรับรู้นั้นเหมือนกับการอ่านหนังสือยังไงอย่างงั้นเลย ปกติแล้วผมก็ฟัง audio book เป็นส่วนใหญ่เพราะว่าผมไม่อยากจะใช้สายตามากเท่าไรนัก การอ่านที่หน้าคอมพิวเตอร์เป็น file pdf หรือว่าการอ่านหนังสือจริงๆ ก็ตามทีมันทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าตาได้ ยกเว้นว่าคุณๆอยากจะอ่านหนังสือเป็นการพักผ่อนเท่านั้นน่ะครับ ซึ่งสำหรับผมแล้วการอ่านหนังสือก็เป็นการพักผ่อนเหมือนกัน เพราะมันทำให้ตาเราล้าแล้วก็ง่วงนอน แล้วก็พล๋อยหลับไปได้ไม่ยากเลยครับ เรียกได้ว่าเป็นวิธีการทำให้ง่วงแล้วหลับได้ดีวิธีหนึ่งเลยครับ ทีนี้ประเด็นไม่ได้อยุ่ที่ว่ามันจะเป็น audio book หรือว่าจะเป็นหนังสือในรูปแบบปกติหรอกครับแต่ประเด็นที่ผมจะเล่าใหัฟังวันนี้ก็คือ ถ้าหากว่าต้องการอ่านหนังสือเพื่อให้ได้เนื้อความนั้น มันกินเวลา นอกจากจะเสียเงินค่าหนังสือแล้ว (สำหรับการอ่านเป็นภาษาไทยก็ต้องรอคนแปล แปลมาให้ก่อนด้วย จ่ายเงินค่าแปลผ่านค่าลิขสิทธิ์มาอีกต่อหนึ่ง) ยังต้องเสียเวลาด้วยน่ะครับ อย่าเรียกว่าเสียเวลาดีกว่า เรียกว่า "กินชีวิต" ไปเลยก็ว่าได้หากว่าคุณไม่ได้เป็นคนชอบที่อ่านหนังสืออยู่แล้ว แต่ผมก็รู้หรือคุณๆเองก็รู้ว่าการอ่านนั้นมันจำเป็นมากแค่ไหนสำหรับ คนที่จะพัฒนาตัวเอง หรือคนที่ทำธุรกิจแบบ…

ตัวชี้วัดที่ร้านแบบ offline โดยใช้ concept ของ online มาประยุกต์วัด

(วันนี้อาจจะมาแปลกนิดหน่อยเพราะว่เนือ้หาเกือบทั้งหมดจะเป็นเรื่อง offline เกี่ยวกับร้านค้า แต่ก็หาเรื่องเอามาเทียบร้านค้าแบบ online น่ะหละครับ) แน่นอนว่าถ้าหากว่าคนที่เปิดร้านค้าแบบ offline เรียกว่าจะเป้นร้านค้าจริงๆที่มีคนเดิมผ่านไปผ่านมาเราสามารถที่จะกำหนดตัวชี้วัดได้เช่นเดียวกัน คล้ายหรือเหมือนกับโลก online โดยอาจจะใช้ศัพท์แสงแบบเดียวกันมาประยุกต์ใช้ได้เหมือนกันแต่ แน่นอนว่าวิธีการเก็บข้อมูลจะไม่ได้ทำได้ง่ายๆเหมือนกับที่หน้าร้าน online ทำได้ หน้าร้าน offline หรือร้านค้าจริงบนโลกเรานั้นจะมีพนักงานอยู่เพื่อที่จะทำการพูดคุยกับลูกค้าและตอบคำถามได้อย่างรวดเร็วทันที เป็นการใช้ข้อมูลลูกค้าทางตรงแต่ทางตรงกันข้ามแล้ว การเก็บข้อมูลของลูกค้านั้นกลับทำได้ยากกว่า จะต้องออกแรงคิดเพื่อที่จะประเมินให้ได้ว่า หน้าร้านนั้นดี หรือไม่ดีในปัจจัยใด เพื่อจะมาประเมินต่อไปได้ว่า จะต้องทำการปรับเปลี่ยน factor ใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขายที่มากขึ้นมาได้อย่างเป็นระบบ แนวคิดนี้ผมอาจจะเอามานึกๆเพื่อเทียบกันได้ระหว่าง offline และ online ดังต่อไปนี้ครับ – ปริมาณคนเข้าร้านที่เดินเข้ามา (new visitor) แน่นอนว่าถ้าหากว่าคนเข้าร้านมาได้ไม่เยอะมากก็เป็นตัวสะท้อนหนึ่งได้ว่า "ตำแหน่งของพื้นที่ไม่ดี" เมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ…

ทำไมไม่ได้เงินจาก blogging สักกะทีน้า..?

อย่างที่ใครหลายคนพอจะระแคะระคายว่าการ blogging มันจะสามารถสร้าง income มาได้ไม่มากก็น้อยแต่รู้เหรอป่าวครับว่าร้อยละ98 ไม่ได้ income อะไรออกมาจาก blogging สักสตางค์แดงเดียว แค่สตางค์เดียวก็ไม่ได้นะครับ ผมก็นั่งคิดว่าทำไมน้า คนเราถึงคิดอย่างงี้เพื่อที่จะทำแบบนั้น การให้ข้อมูลฟรีๆเป็นเรื่องที่ดีและผมก็อยากได้ฟรีด้วยเหมือนกัน หรือในทางตรงกันข้ามการให้ข้อมูลพิมพ์บอกต่อคนอื่นๆ มันเป็นวิทยาทาน ทางความคิดความอ่าน ทำให้สุดท้ายแล้วหากว่าเราไมได้ "เงิน" จากมันเลยแม้ก็ตามมันก็จะทำให้เรารู้สึกว่าเราได้ช่วยเหลือคนอื่นยังไงอย่างงั้นน่ะหละครับ นั่นหละครับเป้าหมายทางความคิดเพื่อกำหนด พฤติกรรมของคนแต่ละคนมันไม่เหมือนกันนี่ครับว่าเหรอป่าวล่ะ หากวิเคราะห์กันเป็นประเด็นๆว่า ทำไมไม่ได้อยากได้เงินสักสตางค์แดงเดียวกับการ blogging ก็เดาเอาไว้ได้ต่างๆนานาด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้น่ะครับ – เพราะว่าไม่คิดว่ามันเป็น business ไม่ได้กะหาเงินอะไรกับมันอยู่แล้วนิ.. การพิมพ์เพื่อเล่าเรื่องที่เรารู้ดีหรือว่าเราศึกษามาเป็นอย่างดีเหมือนกับว่าเราไม่ได้ลงทุนอะไรแม้แต่นิดเพราะเรารู้อยู่แล้ว เราทำเป็นอยู่แล้วถึงแม้ว่าเราจะได้ไปอ่านศึกษาค้นคว้าทดสอบทอลองมามากมายแค่ไหนก็ตามมันก็รู้สึกได้เหมือนกับว่ามันไม่ได้มีต้นทุน (ทั้งๆที่มันมีน่ะครับก็คือเวลาที่คุณควรจะต้องไปนั่งเล่นเที่ยวเล่นหรือว่าอ่านอะไรเพื่อความเพลิดเพลิน แต่ว่าถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ศึกษาเรื่องใดๆแล้วรู้สึกเพลิดเพลินนั้นน่ะหละทำให้คุณรู้สึกได้ว่ามันไม่ได้มีต้นทุนแม้แต่น้อยได้จริงๆ)การคิดแบบนี้ทำให้ไม่คิดว่ามันจะทำเป็นธุรกิจอะไรออกมาได้ ไม่อยากจะได้อะไรจากมัน ไม่จำเป็นต้องได้ออกมาเป็นตัวเงินอะไร ทำให้สะท้อนความคิดออกมาว่า "เราไม่ได้อยากได้ออกผลประโยชน์ในรูปตัวเงินแต่อย่างใด" – เพราะว่าคิดว่ามันเป็นแค่งานอดิเรก…

Blogging Affiliate : หลากหลายวิธีหาเงินจากการ Blog ที่มีอยู่จริงบนโลกนี้

หลายคน blog โดยมีเป้าหมายแค่ว่า "ขอให้ได้บอกคนอื่น ก็เพียงพอแล้ว" และนั่นจริงๆแล้วการเผยแพร่ความรู้แบบ Free หรือที่เรียกว่า วิทยาทาน (เหมือนกะว่าคนอ่านเป็นขอทานอย่างงั้นล่ะ แต่ว่าไม่ช่ายน่ะครับ) นั้นมันก็ดีเอามากๆแล้วน่ะครับ เพราะคนจะเริ่มรู้จักคุณไม่มากก็น้อย คนจะเริ่มรู้ว่าคุณมีความชำนาญทางด้านไหน หากว่าคุณเป็นคนที่เก่งเกี่ยวกับ การ blogging วันๆคุณก็พูดแต่เรื่อง blogging ก็ทำให้คนที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นหรือว่าคนที่สนใจเข้ามาสนใจและเริ่มต้นทำการ blogging ต่อๆกันได้ หรือว่าถ้าเป็นเว็ปผมนี่ก็ไม่ได้มีอะไรมากแค่อยากจะให้คนใช้คอมพิวเตอร์ หรือ internet ได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม มีประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีกว่าเดิม แล้วก็ไม่ต้องงกๆอยู่กะหน้าคอมมากเกินไปนัก (แต่ว่ามันก็ขัดกะที่ผมเป็นน่ะครับเพราะว่าตัวผมก็งกๆอยู่หน้าคอมวันยันค่ำน่ะหละครับ เฮอะๆ ก็นะคนมันใจรักกันนี่เนาะ จะให้ทำยังไงได้ ) แล้วก็ผนวกกับการที่ว่าผมเป็นคนชอบ Tutor คนอื่นๆ ..(อาการนี้เป็นมาตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ผมน่ะครับเป็นพวกที่ว่า ต้องกลับอ่านหนังสือมาก่อนล่วงหน้าคนอื่นเค้าแล้วก็เพื่อที่จะสอนคนอื่นให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น เพื่อนๆเค้าก็จะเรียกผมเป็นจานกันหมด…

Etoro เล่นค้าเงินง่ายๆได้ตังค์จริง(ก็มีด้วยแฮะ..)

Forex หรือที่เรียกว่า การค้าเงินระหว่างประเทศ โดยการดูว่าเงินไหนอ่อนเงินไหนแข็งแล้ว ทำการโอนง่ายเงินที่เราซื้อไว้ระหว่างสกุลเงิน เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากหากว่า พอจะเล่นเป็น แต่สำหรับคนที่เล่นไม่เป็นเอาซะเลยแล้วคิดว่า อืม.. เราก็น่าจะลองมาเหมือนกันนะ ก็ไม่เป็นเรื่องยากเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เพราะว่าผมดันไปเจอ eToro เข้าให้เมื่อประมาณปีที่แล้ว เว็ปนี้ทำให้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการค้าเงินดูเป็นของเล่นไปซะหมด ไม่ว่าวิธีการเล่น หน้าตาเว็ปไซท์ หรือแม้กระทั่งการแสดงผลที่ออกมาเป็นแนวการ์ตูน Flash ตลกๆแล้วมันทำให้การซื้อขายเงินเพื่อเอากำไรง่ายยังไงน่ะเหรอครับ? ไม่ยากครับ สกุลเงินทั้งหมด หกสกุลเงินหลักจะถูกเอามาแสดงเหมือนเป็นการ์ตูน ทำเหมือนกับการเล่นเกมส์ธรรมดาแบบ Flash กดและเข้าใจง่ายระดับว่าเด็กๆก็เล่นได้ ถ้าเกิดว่าให้ตังค์เค้าเอาไปเล่นจริง มันก็กำไรจริงเป็นเงินจริงครับ วิธีการก็คือ เอาเงิน ณ เวลาหนึ่งหกสกุลเงินมาทำเหมือนวิ่งแข่งกัน (เหมือนกับแข่งม้าตู้เกมส์ยังไงอย่างงั้น) หรือว่าเอาสกลุเงินสกุลมาชักกะเย่อแข่งกันที่ผมบอกว่าเด็กก็เล่นได้เพราะว่ามันสามารถที่จะจำลองการเล่นจริงมาเป็นของเล่นได้ด้วยเงินปลอมก็ได้ (เงินสมมุติน่ะครับหรือที่เรียกว่า Virtual money ซึงมันไม่ได้ปลอมแบบนั้นเหมือนกับที่คิดหรอกนะ) หรือพูดอีกอย่างว่า พ่อแม่คนไหนอยากจะให้ลูกๆเค้าเล่นเพื่อความเข้าใจเรื่องสกุลเงินตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะก็แนะนำให้ลองสมัครสัก…