เทคนิคที่ทำให้ได้ เบอร์โทรติดต่อเพื่อเรียกใช้บริการ uBer นอกเขตเมือง

การติดต่อเพื่อเรียกรถ uBer นั้นทำได้แค่วิธีการเดียวอย่างเป็นทางการ คือ การเรียกรถ uBer ผ่านทาง  uBer Application ไม่ว่าจะเป็นการเรียกบน smart phone ที่เป็นแอนดรอยด์ หรือ จะเป็น iphone ก็จะมี  app รองรับทั้งหมด เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็ เพราะว่า ทางระบบต้องการจะได้ค่าพิกัดหรือตำแหน่งของคนเรียกที่แน่นอนว่า ต้องการจะให้ไปรับที่ไหน ไม่ใช่แค่โทรไปบอกว่าอยู่ซอยอะไร หรือเดินทางมาหาอย่างไรเท่านั้นไม่เพียงพอ มันจะทำให้คนขับรถ uBer เดินทางมาหาได้แล้วต้องคอยสอบถามตำแหน่ง หรือเส้นทางเดินทาง ทั้งๆที่จริงๆแล้ว อุปกรณ์​ smartphone ที่เราถืออยู่เกือบทุกรุ่นจะมี GPS เพื่อบอกตำแหน่งของ smartphone ตัวนั้นๆอยู่แล้วนั่นเอง

แต่ทีนี้ถ้าหากว่าคุณยึดติดกับการเรียกแบบเก่าๆอยู่อีก คือ ต้องการจะโทรบอกคนขับรถ uBer เพื่อให้มารับยังตำแหน่งที่เราต้องการ ไม่อยากจะเปิดแอพ เพื่อเรียกเราจะทำได้อย่าวไรกันล่ะ ? วิธีการที่ผมจะบอกคือ ทางลัดเท่านั้นน่ะครับ แต่ว่าถือว่าเป็นความเต็มใจของทางพนักงานขับรถและ ทางคุณที่เป็นลูกค้า

เริ่มต้นโดยการเรียกแบบรถ uBer แบบธรรมดาเพื่อให้ได้เบอร์มือถือคนขับรถ uBer !

เริ่มต้นให้เราเรียก uBer ด้วย App ธรรมดาเหมือนกับที่เราจะต้องทำตามระบบนั่นน่ะหละครับ (หากว่าคุณยังไม่ได้สมัครหรือใข้งาน uBer เลยแม้แต่ครั้งเดียว แนะนำว่าให้ใช้รหัส promotion code : “uberget300freeride” เพื่อให้ได้เครดิตนั่งฟรีทันที 300 บาท- ) แต่หากว่า เมื่อกดแล้ว จะพนักงานขับรถยอมรับ คำร้องขอเรียกรถของเราครั้งนั้น ทีนี้ เราก็กด call driver เราจะมีเบอร์แสดงให้เห็นว่าเบอร์คนขับรถเบอร์อะไร ทีนี้ แปลว่า เราก็จะได้เบอร์มือถือของคนขับรถมาไว้ในกำมือแล้ว หลังจากที่คุณนั่ง uBer สามสี่ครั้ง คุณก็ได้เบอร์พนักงานขับรถ uBer อย่างน้อยก็สามคนขึ้นไปแล้วล่ะครับ ทีนี้แปลว่า คุณสามารถที่ติดต่อกับพนักงาน uBer ได้โดยตรงไม่ต้องเข้าแอพเพื่อเรียกอีกแล้ว วิธีการนี้จะทำให้พื้นที่ที่อยู่นอกเหนือการให้บริการ uBer (อูเบอร์จะบริการคนเมืองเป็นหลัก แค่ออกนอกพื้นที่เมืองเมื่อไหร่ แทบจะเรียกรถไม่ได้เลย เพราะไม่มีรถอยู่ในบริเวณดังกล่าวเป็นรัศมี สามหรือสี่กิโลเมตร)  แต่ว่าเราสามารถเรียกรถได้โดยการโทรติดต่อเบอร์มือถือของพนักงานขับรถเหล่านั้นได้นั่นเอง

นอกจากนี้ แนะนำว่าคนที่คุณจะเลือกน่าจะเป็นพนักงานของ uBer ที่กินเงินเดือนของ uBer โดยตรงเพราะรถจะเป็นรถของบริษัทฯ และไม่ serious มากกันระยะการเดินทาง เพราะ แม้กระทั่งน้ำมันหรือแก็ซที่ใช้ก็มีการเก็บเงินของบริษัทได้อีกต่างหาก เรียกว่า พนักงานขับรถไม่ได้มีความเสี่ยงด้านตัวเงิน และ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเกี่ยงเพื่อที่จะให้มารับเรา แม้นว่าจะมีการเดินทางรถเปล่าออกจากตัวเมืองมาบ้าง เพื่อเดินทางมารับเราที่อยุ่ในพื้นที่ไกลออกจากตัวเมืองออกมาก็ตามที

แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าพนักงานขับรถคนนั้นคือคนของบริษัทโดยตรง ?

ถาม ! เท่านั้นที่จะทำให้คุณได้คำตอบครับ พนักงานขับรถ uBer เหล่านี้มีหน้าที่ต้องตอบ หรือพูดคุยกับลูกค้าหรือผู้โดยสารอย่างมีมารยาทครับ ไม่อย่างงั้น อาจจะโดนผู้โดยสารให้ดาวตอนที่รีวิวการเดินทางแบบน้อยๆได้ ซึ่งจะทำให้พนักงานขับรถ uBer รายนั้นมีปัญหากับทาง uBer ได้ครับ

เมื่อเราติดต่อกับพนักงาน uBer  เพื่อบอกเส้นทางให้มารับเรานั้น เราต้องทำให้พนักงานขับรถคนนั้นมั่นใจเหมือนกันว่า เราเรียกรถเค้าเพื่อที่จะมีการเดินทางจริงๆ เพราะไม่อย่างงั้น เค้าจะเดินทางมาเก้อ และ cancel ได้โดยที่เค้าจะไม่ได้เงินสักแดงเดียว เพราะมันเป็นการตกลงกันนอกรอบ นอกระบบ ไม่ได้มีระบบ หรือเครดิตการ์ดของคนเรียกรถเป็นตัวประกันแม้แต่น้อย อย่างไรก็ดี ถ้าหากว่าคุณทำตัวเป็นลูกค้าขั้นดีและได้เจอคนที่จำคุณได้ แนวโน้มคือ พนักงานขับรถเหล่านี้ก็น่าจะเดินทางรับคุณอย่างไม่ลังเลใจแต่อย่างใด และ เมื่อพนักงานเดินทางมาใกล้พื้นที่ที่คุณจะต้องการให้ pick up (รับคุณ) ชึ้นรถแล้วล่ะก็  หรือ ถึงระดับที่ว่ารถคันนั้นเดินทางมาหน้าบ้านคุณแล้วก็ได้ แล้วคุณก็ต้องเอา smartphone ออกมาเพื่อเปิดแอพ uBer แล้วกด request pick up อยู่ดี และ พนักงานขับรถที่ใกล้คุณที่สุด (แน่นอนว่า พนักงานขับรถรายนั้นอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว) จะได้รับเลือกให้ทำหน้าที่รับคุณเข้าสู่ระบบการเดินทางเก็บเงินของ uBer อย่างเป็นทางการแล้วล่ะครับ

ถ้าหากว่าคุณทำตามนี้แล้ว ทีนี้ไม่ว่าคุณจะอยู่ในพื้นที่ที่นอกเมืองไปสักหน่อย คุณก็มีโอกาสที่จะได้ใช้บริการของ uBer ได้อยู่ดี !

คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:

• สมัครขับรถ uber
• uber pantip