ผมสังเกตโฆษณาในทีวีก็จะมีโฆษณาน้ำยาบ้วนปากฉายออกมาในช่วง Prime time เป็นประจำ ก็รู้ว่ามันเป็นอะไรที่ผู้บริโภคส่วนมากคิดว่าถ้าหากว่าใข้ก็น่าจะทำให้การทำความสะอาดปากและฟันดีขึ้นกว่าเดิมได้ ซึ่งสำหรับผมแล้วก็เคยถามเรื่องนี้กับคุณหมอฟันไว้เหมือนกันว่า มันจำเป็นอย่างงั้นหรือสำหรับคนที่มีสุขภาพช่องปากที่เป็นปกติ ? คำตอบที่ได้ก็เหมือนกับที่คิดเอาไว้ก่อนหน้าแล้วก็คือ มันไม่ได้จำเป็นถ้าหากว่าปากคุณทำความสะอาดด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันได้เป็นปกติ อีกอย่างผมไปหมอฟันเป็นประจำ หมอก็จะบอกว่าฟันไม่ผุ สุขภาพฟันดีมาก แค่ว่าเสียอย่างเดียวก็คือ ลักษณะของเหงือกที่อาจจะดูเสื่อมร่นไปบ้าง เหตุเนื่องมาจากการแปรงฟันไม่ถูกท่าและมีการเสียดสีต่อเนื่องกันมายาวนาน ทำให้ผมคิดต่อไปอีกว่า “การแปรงฟันนั้นจำเป็นอย่างงั้นหรือ?” แต่เรื่องของการแปรงฟันนั้นผมยังไม่ได้หาข้อมูลเสริมอย่างใด เนื่องด้วย เราก็รู้กันอยู่แล้วและได้รับการสั่งและการสอนมาตั้งแต่เด็กๆว่า คุณจะต้องแปรงฟันวันละสองครั้ง (เป็นอย่างน้อย) หรือจะให้โหดกว่านั้นก็คือ คุณน่าจะต้องแปรงฟันหลังอาหารทุกครั้ง (แปลว่า จะต้องแปรงฟันอาจจะสามครั้งต่อวันหรือมากกว่าแล้วแต่ว่าคุณกินอาหารกี่มื้อกันแน่..)
กลับมาที่ประเด็นน้ำยาบ้วนปากอีกครั้งก่อนที่ผมจะนั่งคิดนั่งพิมพ์หลุดโลกออกมาไปกว่านี้ น้ำยาบ้วนปากที่คุณเห็นอาจจะเห็นว่ามันมีมูลค่าต่อลิตรสูงกว่าน้ำมันที่เอาไว้เติมรถเสียอีกและแพงกว่าน้ำชนิดๆอื่นๆที่เป็นของกินอยู่มาก ทั้งๆที่คุณไม่ได้กินมันเข้าไปแล้ว มันก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมหรือแม้กระทั่งความจำเป็นก็ไม่มี ! ทำให้ผมก็มานั่งคิดแล้วก็นั่งพิมพ์อยากจะบอกให้คุณคนอื่นมานั่งคิดเหมือนกับผมว่า น้ำยาบ้วนปากมันไม่ได้จำเป็นแต่อย่างใด หากคุณใช้น้ำยาบ้วนปากต่อไปเรื่อยๆโดยที่คุณไม่เคยกลับมานั่งคิดหรือหาข้อมูลว่ามันไม่ได้จำเป็นอะไรแล้ว ก็แปลว่า คุณจะใช้สิ่งของหรือมีกิจกรรมในชีวิต (ทุกวัน) ต่อเนื่องแบบเกินจำเป็นไป แล้วว่าถ้าหากว่าคิดเป็นเงินต่อวันจะดูเล็กน้อย แต่สำหรับคนที่ทำตลาดแล้ว เงินทั้งหมดที่ได้มาต่อหัวต่อวันนั้นไม่ได้น้อยอย่างที่เราจ่ายไปต่อคนหรอกน่ะครับ ถึงขนาดว่าสามารถที่จะออก spot โฆษณาได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน ยาวนานในช่วงเวลาพรามทามได้ก็แปลว่า มันก็ต้องมีกำไรเป็นกอบเป็นกำให้เห็นอย่างแน่นอน และตลาดนี้ก็เรียกได้ว่าน่าจะเป็นตลาดที่ใหญ่เอาการ เพื่อรองรับต้นทุนในการโฆษณาได้
แล้วผมซื้อน้ำยาบ้วนปากหรือเปล่า ?
ซื้อครับ ! น้ำยาบ้วนปากที่ผมมีผมเน้นว่ามีเก็บเอาไว้ เพื่อเอาไว้สร้างความมั่นใจเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้ “ใช้เป็น routine ประจำว่าถ้าหากว่าแปรงฟันแล้วก็จะต้องบ้วนปากทุกครั้งไป” แต่ผมจะบ้วนแค่เมื่ออยากจะใช้เท่านั้น เพราะ คิดดูแล้ว หากผมเองก็ไม่ได้บ้วนปากได้อย่างถูกวิธีหรอก แต่มันก็แสบเกินกว่าที่จะใช้ให้มันถูกวิธีการด้วย ประเด็นที่ผมใช้ไม่ถูกก็คือ “เมื่อบ้วนปากแล้วจะต้องไม่เอาน้ำเปล่ามาบ้วนเพื่อล้างน้ำยาบ้วนปากออก…” มันทนกันไม่ไหวหรอกน่ะครับ กับการที่เอาน้ำยาบ้วนปากแบบแสบๆมากลั้วปากกลั้วคอแล้วไม่มีน้ำเปล่ามาล้างมันออก มันแสบแค่ไหนเหรอ? ก็ถ้าหากว่าคุณลองเอาไปล้างโถส้วมมันก็น่าจะทำให้โถส้วมของคุณสะอาดได้อยู่ (สำหรับตอนที่ไม่มีน้ำยาล้างโถก็เคยมีคนแนะนำว่าให้เอาน้ำยาล้างปากเนี่ยะน่ะหละมาใช้ล้างโถ มันก็มีความสามารถในการทำความสะอาดได้เหมือนกัน) อ่านบทความาเกี่ยวกับการเอาน้ำยาบ้วนปากมาล้างโถส้วมได้จาก Apartmenttherapy.com
ผมอยากจะให้คุณคิดว่า อะไรที่คุณกำลังจะตัดสินใจทำมันแบบเป็นประจำและเชื่อว่ามันจะต้องเป็นอย่างงั้น แนะนำว่าให้ลอง research ค้นหาและถามคนอื่นที่คาดว่าน่าจะมีความรู้ในเรื่องนั้นๆเอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะ การทำอะไรซ้ำๆแล้วเกิดว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีหรือว่าแย่กว่านั้นคือ มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีแล้วล่ะก็ เมื่อคุณทำซ้ำเป็นเวลานาน และเป็นนิสัยแล้ว คุณจะไม่ได้กลับมาฉุกคิดอีกว่า นี่คือสิ่งที่ต้องมานั่งคิดว่าจะต้องทำหรือไม่ทำ เพราะคุณจะทำมันไปอย่างอัตโนมัติและไม่มีข้อสงสัยอะไรกับกิจกรรมนั้นๆอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากว่าคุณต้องเสียเงินเพื่อกระทำการนั้นๆหรือเพื่อใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ เป็นประจำ โดยที่คุณไม่กังขากับมันอีก กิจกรรมหรือสินค้านั้นๆก็เป็นแหล่งขุมทรัพย์ให้กับสินค้าหรือผู้ผลิตสินค้าดังกล่าวในระยะยาวจริงๆ เอาเป็นว่าเรื่องการใช้น้ำยาบ้วนปากก็เป็นแค่ประเด็นเล็กที่เข้า concept แบบนี้ที่ผมว่าถ้าหากว่าเลือกได้และรู้ว่ามันไม่จำเป็น ก็อย่าไปใช้มันจะดีกว่า นอกจากจะไม่เสียเงินแล้วก็ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องทนแสบ และไม่แน่น่ะครับว่าสุดท้ายแล้วอยู่ๆก็จะมี research ออกมาอีกหรือเปล่าว่ามันเจอข้อไม่ดียังไง กว่าจะถึงวันนั้นเราก็ใช้มันมานานซะแล้วก็เป็นได้