แนวคิดการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการลดงานหรือกำจัดและหยุดงานออกไป

stop-working

บทความนี้เป็นแนวคิดในการปรับปรุงกระบวนการทำงานหรือพัฒนางาน และ จะเป็นประโยชน์มากสำหรับองค์กรหรือบริษัทที่มีการผลิต หรือกิจกรรมที่ต้องใช้คนเพื่อทำงาน หรือเพื่อทำกิจกรรมใดๆซ้ำๆเป็นประจำ ผู้อ่านปกติสามารถอ่านได้และประยุกต์กับการทำงานของตนเอง และการใช้ชีวิตประจำวันได้

การพัฒนากระบวนงาน หรือ การทำงาน อาจจะต้องพิจารณาที่จะ “หยุด” กิจกรรมใดๆที่ใช้เวลาในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นของใครก็ตามที่ต้องทำ แต่แน่นอนถ้าหากว่าคุณคิดงานเพื่อใครก็ตามที่อยู่ในโรงงานแล้ว คนนั้นๆไม่ต้องทำงานนั้นอีกต่อไป เพราะกิจกรรมนั้นหายไป ก็แสดงว่า เราได้เวลาของคนมาเพิ่มนั้นเอง หรือ ให้มองกลับทางกันถ้าหากว่ามันมีวิธีการที่ทำให้คนๆนั้นไม่ต้องทำงานนั้นเลยแม้แต่น้อย แล้วคุณยังคงให้ทำอยู่แสดงว่า บริษัทมีการว่าจ้างด้วยเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อให้คนนั้นนั่งเฉยๆก็ยังได้ เพราะมันให้ค่าเท่ากันเท่านั้นเอง

การ “หยุด” กิจกรรมนั้น มันอาจจะเห็นได้อย่างชัดเจน เช่น ถ้าหากว่าคนใดคนหนึ่งเห็นกิจกรรมของคนอื่นที่ทำอยู่ (ต้องเป็นของคนเพราะว่า ปกติแล้ว เราจะคิดว่างานของเราที่เราทำอยู่นั้นมีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น คนจะไม่ทำงานใดๆที่ เมื่อทำออกมาแล้วก็เอาไปทิ้ง ถ้าหากว่ามีงานอย่างงั้นจริงๆ พนักงานคนนั้นก็จะต้องไม่รู้หรือถูกปกปิดว่างานนั้นไม่มีคุณค่างานใดๆเลย) คนอื่นจะมองเห็นว่า “งานนั้นจำเป็นหรือไม่” หรือ “งานนั้นทำแล้วมีประโยชน์หรือไม่” หรือ “งานนั้นทำแล้วก็มีความสำคัญหรือไม่?” ถ้าหากว่าพิจารณาแล้วว่า มันไม่จำเป็น มันไม่มีประโยชน์ หรือ มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยแม้แต่น้อย หรือสำคัญไม่พอที่จะต้องออกแรงทำ ก็ให้พิจารณา “หยุดงาน” นั้นเสียโดยพลัน หรือ ต้องออกแบบกระบวนการ เพื่อที่จะ “กระโดดข้าม” งานนั้นได้ทันที

ตัวอย่าง : case study อธิบายแบบงานแม่บ้าน เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจได้

ยกตัวอย่างใช้ชีวิตประจำวัน ที่ผมมีปฏิสัมพันธ์เชิงงานหรือกิจกรรมในบ้าน เช่น ถ้าหากว่าคุณซักผ้าแล้วติดกระดุมครบทุกเม็ด เพื่อที่จะได้ตากผ้าได้เป็นระเบียบ เมื่อแห้งแล้ว คุณก็เอาผ้ามาเก็บในตู้เสื้อผ้า และตอนที่คุณกำลังจะใส่เสื้อตัวนั้น คุณต้องแกะกระดุมทั้งหมดเพื่อที่จะเอาเสื้อมาใส่ที่ตัวคุณได้

การวิเคราะห์ “หยุด” งานที่ไม่จำเป็น กรณีนี้ที่ยกตัวอย่างจะเห็นได้ว่า การติดกระดุมครบทุกเม็ดเป็นกิจกรรมที่อาจคิดได้ว่ามันไม่จำเป็น และนี่ก็จะเป็นผลต่อเนื่องที่จะเกิดงานอีกคือ “แกะกระดุมเพื่อใส่เสื้อผ้า” ลองคิดดูถ้าหากว่า แม่บ้านไม่ได้ติดกระดุมมา ผมก็จะไม่ต้องไปปลดกระดุม แค่เอาเสื้อมาแล้วก็ใส่เข้าไปได้ทันที ก็จะมีเวลาเล่นเน็ตเพิ่มอีกหน่อยอย่างน้อยก็ 1-2 นาทีเป็นประจำทุกวัน (ผมว่ามีประโยชน์เพื่อผมเองมากกว่าการแกะกระดุมบนเสื้อออก)

เหตุผลในการติดกระดุมนั้นจะเห็นว่า “เพื่อเป็นการทำให้เสื้อแขวนอยู่บนราวได้และยึดกับไม้แขวนซื้อได้โดยไม่ปลิวหลุดร่วงออกมาจากราวตากผ้าเมื่อมีลม”

เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราจะปรับเปลี่ยนกระบวนการอาจจะคิดได้หลายหลายแนวคิด ซึ่งถ้าหากว่ารู้ว่าปัญหาหรือโจทย์เป็นเรื่องการตากแห้งแล้วกลัว เสื้อจะตก ก็อาจจะคิดได้ว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เสื้อตกออกจากราว หรือเราจะคิดไปที่ต้นตอกว่านั้นคือ จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ลมพัดแรงแล้วเสื้อตก ถ้าหากว่าเรา “หยุดกิจกรรมติดกระดุมโดยแม่บ้าน”

ถ้าหากว่าให้ผมคิดตอนนี้ ผมก็จะให้ “หยุดกิจกรรมนี้ได้ทันที” โดยเปลี่ยนแปลงกระบวนการติดกระดุมทั้งหมด เหลือแค่ การติดกระดุมแค่เม็ดบนเม็ดเดียวเท่านั้น เมื่อลมพัดเสื้อก็จะไม่หลุดออกจากราวแขวนเหมือนกันนั่นเอง

ลองเอาแนวคิดง่ายแค่นี้ไปปรับคิดดูกับงานและกระบวนงานที่คุณมีส่วนเกี่ยวข้อง อาจจะมีเยอะงานจนคุณเองก็ไม่น่าเชื่อว่า “เรากำลังทำงานกับเรื่องไร้แก่นสารเหล่านี้อยู่นี่เอง”

คำค้นหาของคุณที่มาเจอหน้าเว็ปนี้:

  • ขึ้น data manager stopped working
Submit your comment

Please enter your name

Your name is required

Please enter a valid email address

An email address is required

Please enter your message

rackmanagerpro.com © 2024 All Rights Reserved

Rackmanagerpro.com all right reserved 2007 - 2019

Copyright by Rackmanagerpro.com

Content Creted by Rackmanagerpro.com