การเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป คุณอาจจะเลือกหาข้อมูลก่อนการเดินทาง โดยการ Google ดูใน Google Maps ว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วค่อยศึกษาเส้นทางก่อนการเดินทาง หรืออีกวิธีการที่ผมเองก็ทำอยู่เป็นประจำก็คือ การค้นหา POI (Point of Interest) จากแผนที่ใน Garmin Street Pilot ไปเลยซึ่ง จะได้ตำแหน่งที่แม่นยำและแน่นอนกว่าเอามากๆ มากกว่าตำแหน่งในแผนที่ของกูเกิ้ลอีกต่างหาก เพราะการค้นหาด้วย Google Maps นั้นเป็นการกรอกข้อมูลจากใครก็ได้ที่อยากจะกรอกเพื่อบอกตำแหน่งอาคารห้างร้านของตนเองและนั่นก็เป็นสาเหตุที่มันทำให้ไม่แน่นอนในเรื่องของพิกัด หรือแม้กระทั่งใน Google Maps เอง แค่ค้นหาสถานที่เดียวกันก็มีแสดงออกมาให้เลือกมากกว่า 1 ตำแหน่งโดยจำเป็นต้องดูสถานที่จริงๆผ่านทาง Google Street View อีกรอบเพื่อความมั่นใจว่าตำแหน่งนั้นคือ อาคารห้างร้านที่เราอยากจะเดินทางไปหาจริงๆ
ย้อนกลับมาประเด็นของวันนี้ก็คือ แผนที่ Garmin Street Pilot นั้นปกติแล้วจะติดตั้งมากับเครื่องนำทางที่เห็นขายกันอยู่ทั่วไปตามร้านค้า IT โดยจะแบ่งสินค้าออกเป็นสองประเภทด้วยกันก็คือ เครื่องนำทางการ์มินแบบที่ราคาประหยัดเสียหน่อย (รุ่นเล็ก หน้าจอไม่ใหญ่โต ทำอะไรได้ไม่มาก) พวกนี้ก็จะมีแผนที่แล้วเราก็กรอกตำแหน่งหรือค้นหาสถานที่ที่เราต้องการใช้งานเพื่อการเดินทาง นำทางและค้นหาพิกัด POI ได้ดีแล้ว แต่เสียอยู่อย่างเดียวก็คือ พวกนี้จะไม่ได้รับการ Update แผนที่ใดๆจาก Garmin ถ้าหากว่าเครื่องมันมีอายุเกิน 1 ปีแล้ว (หมดระยะประกัน ทางการ์มินก็ไม่ให้เข้ามา update แผนที่ฟรีอีกต่างหาก) และนี่ก็คือ ปัญหาจริงๆสำหรับการใช้งานเครื่องนำทาง! ส่วนเครื่องนำทางอีกกลุ่มก็คือพวกราคาหมื่นกว่าขึ้นไป เป็นรุ่นใหญ่และ ทำตัวเหมือนกับเป็นสินค้า Hi-end product โดยพวกนี้จะได้รับการ service ดีเป็นพิเศษและสามารถเอาเครื่องมา update แผนที่โดยการ download มาติดตั้งใหม่เอง หรือเอาเข้าศูนย์เพื่อให้พนักงานของการ์มินทำการ update แผนที่ให้ก็ได้ฟรีตลอดอายุการใช้งานหรือจนกว่าเครื่องมันจะพังไปข้างหนึ่ง (หรือจนกว่าไม่มีแผนที่ใหม่มา update กันแล้ว)
ถ้าหากว่าคุณใช้ Garmin แล้วติดตั้ง update แผนที่เองไม่เป็นแล้ว เครื่องคุณไม่ได้มีการระบุเอาไว้ Life Time update แผนที่ เมื่อคุณต้องการจะ update เพื่อให้แผนที่ทันสมัย คุณจำเป็นต้องติดต่อกับศูนย์เพื่อขอ download file แผนที่ใหม่ และให้เจ้าหน้าที่ติดตั้ง update แผนที่ใหม่เข้าไปได้แบบเสียเงินประมาณ 300-400 บาท(ราคาไม่แน่นอนแล้วแต่ว่ามีการขึ้นราคาไปเท่าไหร่แล้ว และแล้วแต่ว่าเขาจะตั้งราคาเพื่อเก็บเงินคุณเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นเท่าไหร่ก็ตาม คุณก็จำเป็นต้อง update อยู่ดี)
การมีแผนที่ที่ไม่ได้รับการ update นั้นก็เหมือนกับการใช้แผนที่ที่ไม่ได้มีถนนอยู่ครบจริงๆ มันก็ส่งผลทำให้คุณเมื่อต้องเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ ไม่ได้อยู่ใน POI เดิมๆ ก็จะค้นหาไม่เจอ หรือจะมีปัญหามากกว่านี้ก็คือ การที่ถนนไม่ได้รับการ update จะทำให้คุณโดนเครื่องพาไปสถานที่ที่คุณต้องการด้วยเส้นทางที่อ้อมกว่าเดิมมาก เพราะ Software แผนที่ภายในเครื่องไม่เห็นว่ามีถนนอะไรเกิดใหม่ หรือมีเส้นไหนยกเลิกแล้ว(ส่วนมากจะมีแต่ถนนเกิดใหม่เสียมากกว่า)ทำให้คุณเสียโอกาสในการเดินทางด้วยเส้นทางที่สะดวกหรือเหมาะสมมากขึ้น โดยเฉพาะตอนนี้มีการ update เส้นทางด่วนและพวกวงแหวนเป็นอย่างมาก และมันเป็นการประหยัดเวลามากจริงๆ ถ้าหากว่าคุณรู้จักที่จะวิ่งเส้นทางเหล่านั้น ประหยัดกกว่าการขึ้นทางด่วนหรือทาง Toll Way ธรรมดาๆมากนัก
ร่ายประเด็นมาเสียยาวทั้งหมดนั้นมันจะเกี่ยวกับแค่คนที่สนใจจะซื้อเป็นเครื่องนำทางวางเอาไว้ในรถเลยเท่านั้น แต่สำหรับคนที่มี iPhone แล้วการซื้อเฉพาะ App Garmin Street Pilot นั้นก็เป็นอีกทางเลือกที่ผมว่าก็คุ้มค่ากับเงินที่จะเสียไปมากโขอยู่ เพราะทั้งนี้ เนื่องด้วยราคาที่ไม่ได้แพงเกินไปนัก ต่อ Apple ID นั่นทำให้คุณสามารถเอา App ตัวนี้ไปลงที่เครื่องโทรศัพท์ iPhone ที่คุณมีทั้งหมดที่ share ใช้ Apple ID เดียวกันของคนที่บ้านคุณได้ทั้งหมด มันก็เหมือนกับเป็นการเฉลี่ยค่า Software ไปในตัวเองอยู่แล้ว และถ้าหากว่าคุณดูราคามันแค่ 30 เหรียญเท่านั้น ก็ไม่ได้แพงมากมายอะไรนัก และเรื่องที่สำคัญที่สุดที่ผมอยากจะบอกก็คือ เมื่อมันเป็น App บน iPhone แบบนี้แล้ว แผนที่จะได้รับการ update ฟรี ! ตลอดอายุการใช้งานเท่าที่คุณยังคงใช้ iPhone อยู่ยังไงอย่างงั้น มันไม่ได้ผูกกับตัวเครื่องเหมือนกับการใช้เครื่องนำทางปกติที่ถ้าหากว่าเครื่องเสียหาย ก็ไม่สามารถโอนสิทธิ์การ update แผนที่ Garmin ไปยังเครื่องอื่นๆแทนได้อีกต่อไป แต่ถ้าหากว่าเป็น iPhone เมื่อเครื่องไหนพัง คุณก็แค่ย้ายเครื่องแล้วก็กด download App Garmin Street Pilot ใหม่อีกรอบก็ทำให้เครื่อง iPhone ของคุณทำหน้าที่เป็นเครื่องนำทางได้อีกครั้งแล้ว
ข้อดีข้อเสียสำหรับการเลือกซื้อเป็นเครื่องนำทาง Garmin โดยตรง และ การเลือกซื้อเป็น App Garmin Street Pilot สำหรับการนำทาง
1. ตอนนี้ App Garmin จะมีเฉพาะ IOS เท่านั้น พูดง่ายๆก็คือ มันออกแบบเพื่อ iPhone แต่เพียงอย่างเดียว
2. ใช้ iPhone App แบบนี้จะได้รับการ update แผนที่ตลอดไป แต่อาจจะมีการ update ที่ช้ากว่าแผนที่สำหรับเครื่องนำทาง
3. เมื่อใช้ iPhone ในการนำทางแล้ว จะกินแบทพอควรเพราะงั้นแล้ว ไม่ได้ใช้งานได้ตลอดทุกที่ทุกเวลาดั่งใจขนาดนั้น แต่อุปกรณ์มันมีติดตัวเราก็ใช้เมื่อจำได้เป็น
4. การเอา iPhone วางไว้ที่ dashboard หน้ารอนั้น ถ้าหากว่าถูกแดดไม่น่าจะเป็นเรื่องดีนัก
5. ไม่ค่อยมีอุปกรณ์ใดๆเพื่อยืด iPhone ให้อยู่ที่ด้านหน้ากระจกรถได้ดีพอที่คุณกล้าวาง iPhone เอาไว้โดยไม่ได้จับมัน
6. การใช้ iPhone เพื่อการนำทางนั้น จะทำให้เมื่อมีคนโทรเข้ามาแล้ว การนำทางอาจจะมีการเปลี่ยนหน้าจอ หรือ ถ้าหากว่าคุณจำเป็นต้องเอาโทรศัพท์มาแนบหูเพื่อพูดคุย การนำทางก็จะไม่สามารถทำได้ เพราะคุณจะไม่เห็นหน้าจออะไรสำหรับการนำทางเลย ก็คุณเองเอาโทรศัพท์มาแนบหูอยู่นี่หน่า
ดังนั้นแล้วด้วยเหตุและผลเหล่านี้ การใช้งานเครื่องนำทางที่เป็นเครื่อง ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคนบางคน และอีกหลายคนการเลือกซื้อเป็น iPhone App เพื่อใช้เป็น Navigator นั้นก็อาจจะคุ้มค่าด้วยเช่นเดียวกัน ที่ผมไม่ได้ฟันธงไปเลยเสียทีเดียวก็เพราะ ผมเองนั้นใช้ทั้งสองอย่างเลย ! คือมีทั้งเครื่อง Garmin แบบเป็็นเครื่องจริงๆสำหรับวางเอาไว้ที่รถยนต์ที่ผมใช้เดินทางเป็นประจำ และใช้เป็น iPhone App เพื่อใช้กับกรณีที่ไม่ได้มีเครื่องนำทางอยู่ในรถคันนั้น และไม่ได้เตรียมตัวเดินทางมาก่อนหน้า
ข้อแนะนำสำหรับคนที่อยากจะใช้ iPhone เป็น Navigator ด้วย Garmin Street Pilot iPhone App
– iPhone มันมีพลังงานอยู่อย่างจำกัดมาก ดังนั้นแล้ว ถ้าหากว่าคุณคิดว่าจะใช้งาน iPhone เพื่อเป็นเครื่องนำทางสำหรับการเดินทางไกลแล้วล่ะก็ ให้มีเครื่อง charge แบทสำหรับ iPhone ติดตัวเอาไว้ในรถด้วยน่าจะดีกว่า
– แนะนำให้เลือก Case เป็นแบบยาง silicone ที่เหนียวเสียหน่อยแล้ววางเอาไว้ที่หน้า Dashboard ไปเลย เพราะมันก็วางได้อยู่และไม่ลื่นไปไหนได้ เครื่อง iPhone ก็จะไม่ต้องถูกแดดหน้ารถอีกต่างหาก
– ถ้าหากว่าเป็นไปได้และคุณไม่ต้องการหลุดจากเส้นทางระหว่างการถูกนำทางด้วย Garmin Street Pilot iPhone App แล้วล่ะก็ให้ตั้งเป็น flight mode เสีย เพื่อไม่ให้คนที่ติดต่อเข้ามาได้ระหว่างการเดินทาง เพื่อที่หน้าจอนำทางจะไม่ได้ไม่หลุดไปที่หน้าอื่น
ผมเห็นว่าตอนนี้ iPhone 4 มีเป็นแบบราคาประหยัดอยู่แค่ 8000+ บาทเท่านั้น แค่เอา Garmin ติดตั้งเข้าไปที่เครื่องเพิ่มอีก 1 แอพ และทำให้มันเป็นเครื่องนำทางเพื่อการนี้ก็น่าจะคุ้มแล้วล่ะครับ อ้อสำหรับคนที่คิดจะลอง App อื่นๆนั้นอยากลองก็ลองได้แต่ขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยดีกว่าน่ะครับว่า สำหรับแผนที่ประเทศไทยแล้วยังไม่เห็นมีระบบนำทางแผนที่ของที่ไหนทำได้ดีและถูกต้องแม่นยำเท่ากับ Garmin เลยล่ะครับ หรือถ้าหากว่ามีก็บอกในส่วน comment มาก็ได้น่ะครับจะได้แวะไปลองๆดูหน่อยครับ สรุปว่าผมเลือกใช้เป็น Garmin และไม่เปลี่ยนใจเสียเวลาไปมองแผนที่ของที่อื่นอีกแล้วล่ะครับ แค่มี iPhone App นำทางได้นี่ก็คุ้มสุดคุ้มแล้วครับผม
