การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์นั้น ต้องอาศัยความเข้าใจในสภาวะภายในร่างกาย และหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
หลายคนอาจคุ้นเคยกับการตรวจ Fasting Glucose หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร ซึ่งเป็นการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง โดยทั่วไป แพทย์จะสั่งตรวจ Fasting Glucose ปีละครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อภาวะเบาหวาน
ระดับ Fasting Glucose ที่เหมาะสม:
-
ระดับปกติ: ต่ำกว่า 100 mg/dL
-
ระดับก่อนเบาหวาน: 100-126 mg/dL
-
ระดับเบาหวาน: สูงกว่า 126 mg/dL
อย่างไรก็ตาม นอกจาก Fasting Glucose ยังมีการตรวจเลือดอื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของระดับน้ำตาลในเลือดและระบบเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น
การตรวจเลือดที่สำคัญกว่า Fasting Glucose: ทำไม Fasting Insulin ถึงสำคัญ?
Fasting Insulin คือการตรวจวัดระดับอินซูลินในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เช่นเดียวกับ Fasting Glucose การตรวจนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสุขภาพของระบบเผาผลาญและความเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลิน
อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยตับอ่อน มีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ร่างกายจะย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตเป็นกลูโคส ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้น กระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินออกมามากขึ้น อินซูลินจะทำหน้าที่นำกลูโคสจากกระแสเลือดไปยังเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เพื่อใช้เป็นพลังงาน หรือเก็บสะสมไว้ในตับ กล้ามเนื้อ และเซลล์ไขมัน
ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) เกิดจากร่างกายได้รับอินซูลินในปริมาณมากเป็นเวลานาน ทำให้เซลล์ในร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้น้อยลง ส่งผลให้ตับอ่อนต้องผลิตอินซูลินมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ภาวะนี้อาจนำไปสู่ภาวะก่อนเบาหวานและเบาหวานในที่สุด
ระดับ Fasting Insulin ที่เหมาะสม:
-
ระดับที่เหมาะสม: 2-6 mcU/mL
-
ระดับปกติ: 6-10 mcU/mL
-
ระดับที่อาจบ่งชี้ถึงภาวะก่อนเบาหวานหรือเบาหวาน: สูงกว่า 10 mcU/mL
Fasting Insulin เป็นตัวชี้วัดสุขภาพที่สำคัญยิ่งกว่า Fasting Glucose เนื่องจากระดับ Fasting Insulin จะเริ่มสูงขึ้น ก่อน ที่ระดับ Fasting Glucose จะสูงขึ้น นั่นหมายความว่า หากตรวจพบว่าระดับ Fasting Insulin สูง แม้ระดับ Fasting Glucose จะยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็ควรเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลินและเบาหวาน
การตรวจเลือดเพิ่มเติม: HbA1c และ HOMA-IR
HbA1c เป็นการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ช่วยให้เห็นภาพรวมของระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
ระดับ HbA1c ที่เหมาะสม:
-
ระดับปกติ: ต่ำกว่า 5.7%
-
ระดับก่อนเบาหวาน: 5.7-6.4%
-
ระดับเบาหวาน: สูงกว่า 6.5%
HOMA-IR เป็นการคำนวณค่าดัชนีความต้านทานต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) โดยใช้ค่า Fasting Glucose และ Fasting Insulin
สูตรการคำนวณ: (Fasting Glucose x Fasting Insulin) / 405 (mg/dL) หรือ (Fasting Glucose x Fasting Insulin) / 22.5 (mmol/L)
ระดับความต้านทานต่ออินซูลิน:
-
ระดับความไวต่ออินซูลินดีเยี่ยม: ต่ำกว่า 2
-
ระดับความต้านทานต่ออินซูลินระยะเริ่มแรก: 2-3
-
ระดับความต้านทานต่ออินซูลินอย่างมีนัยสำคัญ: สูงกว่า 3
Continuous Glucose Monitor (CGM): ข้อมูลเชิงลึกสำหรับการดูแลสุขภาพ
Continuous Glucose Monitor (CGM) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่อง แม้ CGM จะไม่จำเป็นสำหรับทุกคน แต่อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือด และต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด
ข้อควรระวังในการใช้ CGM:
-
ไม่ควรยึดติดกับตัวเลขที่ CGM แสดง: เนื่องจากค่าที่แสดงอาจมีความคลาดเคลื่อน ควรสังเกต รูปแบบการเปลี่ยนแปลง ของระดับน้ำตาลในเลือดเป็นหลัก
-
ระดับน้ำตาลในเลือดที่เหมาะสมหลังรับประทานอาหาร: ไม่ควรเพิ่มขึ้นเกิน 30 mg/dL
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์นั้น สามารถทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย
เคล็ดลับง่ายๆ ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด:
-
รับประทานอาหารเช้าแบบคาว ไม่หวาน: เลือกอาหารเช้าที่มีโปรตีนและไขมันดี เช่น ไข่ต้ม อโวคาโด หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หลีกเลี่ยงอาหารเช้าที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมปังขาว คอนเฟลก หรือน้ำผลไม้
-
เพิ่มผักเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนมื้อกลางวันและมื้อเย็น: การรับประทานผักก่อนมื้ออาหารจะช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
-
ออกกำลังกายเบาๆ 10 นาทีหลังรับประทานอาหาร: การออกกำลังกายเบาๆ หลังอาหาร เช่น การเดิน จะช่วยให้ร่างกายนำกลูโคสไปใช้เป็นพลังงานได้ดีขึ้น
-
ดื่มน้ำส้มสายชู: น้ำส้มสายชูช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด อาจผสมน้ำส้มสายชู 1-2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มก่อนมื้ออาหาร
บทสรุป
การตรวจเลือดเพื่อประเมินระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพ Fasting Insulin เป็นตัวชี้วัดสุขภาพที่สำคัญยิ่งกว่า Fasting Glucose การตรวจเลือดเพิ่มเติม เช่น HbA1c และ HOMA-IR ช่วยให้เห็นภาพรวมของสุขภาพระดับน้ำตาลในเลือดได้ครบถ้วนมากขึ้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันภาวะดื้อต่ออินซูลินและเบาหวาน