สำหรับประเด็นนี้เหมือนว่าจะได้รับการยืนยันกันไม่ได้นานสักเท่าไหร่แต่ตอนนี้ เหมือนว่า การเห็นปริมาณน้ำในเลือดที่สูงมากกว่าปกตินั้นตั้งแต่ 100 dl/mg ในนั้นเลือดมันจะทำให้เกิดปัญหาได้จริงๆและ มันจะเป็นสาเหตุของโรคต่างๆที่แตกแขนงออกไปเป็นวงจรพุ่งพร่านออกไปเป็นอันมาก การเข้าสู่การเป็นเบาหวานนั้นคือตัวที่บ่งบอกได้ดีที่สุดว่า ร่างกายนั้นโดยเชื่อมไปด้วยน้ำข้นหวานและน้ำเชื่อมในหลอดเลือดไปเสียแล้ว และนั่นเป็นปัญหาที่ร่างกายสติเราไม่สามารถรับรู้ได้จากอารมณ์หรือความรู้สึกใดๆเว้นแต่จะมีอะไรบอกเรา หรือ เกิดอาการอะไรก็แล้วแต่ว่ามันไปทำให้เกิดปัญหาในลักษณะใด เราไม่รู้หรอกว่าเรากินน้ำตาลไปมากน้อยแค่ไหน แต่การบริโภคอาหารหมวดคาร์โบไฮเดรตนั้น ก็เป็นอาหารที่ต้องกินเข้าไปเช่นเดียวกัน แต่การกำหนดว่า “มากเกินไป” นั้นแทบจะบอกไม่ได้หรือบอกได้ยากเอามากๆ หากเรามีสติรู้ตัวในการกินทุกครั้ง เราก็ยังบอกไม่ได้อยู่ดีว่ามันเยอะมากน้อยเกินไปหรือเปล่า !? นอกจากนี้แล้ว มันไม่ได้คิดง่ายๆแบบนั้น มันมีการควบคุมเพื่อการ “กราฟการเพิ่มขึ้น” และ การลดลงของค่าปริมาณน้ำตาลในเลือดจากการบริโภคอีกต่างหาก เรียกได้ว่า มันไม่ได้จบแค่ค่าเฉลี่ย มันต้องระวังกันไปถึง กราฟของค่าน้ำตาลนี้กันไปเลยก็ว่าได้
ทีนี้มันซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ แปลว่า สำหรับการรู้ตัวในการบริโภคน้ำตาลนั้น เราจึงคิดว่า สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ก็แค่ตัดประเภทอาหารบางประการออกจากเมนูที่เราจะรับประทานออกไปเกือบทั้งหมดก็ทำได้ไม่ยาก ถ้าหากว่าจะกินมันถือว่า การกินมันเป็น “รางวัล” หรือ “กรณีพิเศษ” เท่านั้น เราก็ยังสามารถทำได้อยู่ โดยเราจะพิจารณาตัดอาหารดังต่อไปนี้เพียงแค่ 4 อย่างแค่นั้นเอง !
- ขนมคบเคี้ยวที่เป็นถุงๆขายในร้านสะดวกซื้อที่เป็นแป้งกรอบมันฝรั่ง หรืออะไรก็ตามที่เราไม่รู้ว่า มันทำมาจากอะไร (แค่เดาเอาได้ว่ามันก็น่าทำมาจากแป้งอะไรก็เพียงพอแล้วที่จะจัดเข้าหมวดนี้) – หากคุณคิดแบบนี้แปลว่า ปลาเส้น ถั่วอบ ที่ใส่ซอง ก็จะไม่ได้เข้าหมวดแรกนี้ ที่จะโดนตัดออกจากชีวิตไปเสีย (เหลือเอาไว้เป็นรางวัลก็ได้) เราแนะนำให้คุณเพิ่มแนวคิดเข้าไปว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นขนมหลอกเด็ก” ที่เอาไว้หลอกเงินจากผู้ปกครองที่มีอำนาจต่อรองกับลูกหลานน้อยกว่าหากเค้าอยากจะกิน แต่กลับกันเราจะไม่หลงกลไปซื้อขนมเหล่านี้มากินหรอก เพราะ อย่างว่าแหละ ! มันเป็นขนมหลอกเด็กยังไงล่ะ !
- น้ำหวานปรุงแต่งที่แช่เย็นอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อทั้งหมด ถือว่าเป็นหมวดของหวานที่มีน้ำตาลผสมอยู่อย่างที่มันไม่ได้อยู่ในธรรมชาติแต่แรก แน่นอนว่า เรานั้นไม่รู้หรอกว่า น้ำหวานนั้นมันทำมาจากอะไรกันแน่ สารให้สีกลิ่นและรสนั้นล้วนเป็นสิ่งสังเคราะห์ทั้งหมดอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเคมีที่กินได้ก็ว่าได้ แต่ที่ชัดเจนไปกว่านั้น รสหวานใดๆ มันไม่ได้มาจาก ผลไม้จริงๆ หรือ มาจาก “อะไรก็ตามที่คุณคิดออกว่ามันคืออะไรกันแน่” แต่มันก็ต้องมาจาก สารให้ความหวานประเภท ฟรุคโตส และ น้ำตาลปกติในรูปแบบอื่นๆ ทั้งหมดให้พลังงานส่วนเกินแบบไม่ให้สารอาหารอื่นใด นอกจาก น้ำตาล และ น้ำตาล ก็เท่านั้น ทั้งหมดมันจะต้องไหลเข้าเส้นเลือดและกระจายไปทั่วร่างของคุณอยู่ดี และ นี่เรากำลังป้องกันการแช่อิ่มเซลล์ร่างกายของเรากันอยู่ดังนั้นแล้ว น้ำหวานปรุงแต่งทั้งหมดให้เรียกว่า “เป็นน้ำหวานหลอกเด็กให้เสพติด” ไปเสียก็เท่านั้น เราไม่โง่พอที่จะเอาขวดน้ำหวานเหล่านี้เข้าร่างกายทางปากแล้วยังต้องเสียเงินอีกต่างหาก ! อย่าหวังเลยว่าเราซื้อมากินอย่างงั้น
- ขนมปังหอมกรุ่น ทั้งหมดแล้ว เราจะเรียกมันว่า “เบอเกอรี่” และนั้นหากว่าคุณไม่ได้ประสงค์รับประทานอาหารเพื่อให้อิ่มเป็นมื้ออาหารแล้วไซร้ มันก็จะเป็น “น้ำตาลส่วนเกิน” หากคิดว่ากินมันเป็นอาหารว่าง หรือกินเล่น คุณควรเข้าใจได้แล้วว่า เบอเกอรี่ทั้งหมดที่คุณคิดว่ามันหอมหวลน่ารับประทานนั้น มันทำมาจากอะไรก็น่าจะเข้าใจได้ว่า ทำไมเราควรเลือกที่ “ไม่กินมัน” มันประกอบไปด้วย ยีส รา ที่ตายแล้วหรือรอพร้อมปลูกให้มีชีวิตอีกครั้ง เพื่อให้ขนมปังพองตัวออก ให้มันนุ่มน่ากิน แล้วที่ผสมๆกันออกมาเป็นแป้งนั้น มันก็คือ แป้ง น้ำตาล และ เนย (หากร้านดีๆก็จะใช้เนยแท้ๆก็ยังดี ไม่รวมถึงเนยปลอมต่างๆที่เป็นทรานแฟทที่กฏหมายกำหนดให้ยกเลิกไปแล้วไม่กี่ปีก่อนหน้านี้) คุณน่าจะเห็นได้ชัดว่า “นี่คือพลังงานส่วนเกินทั้งหมด และ ทั้งหมดมันก็จะแปลงเป็นไขมันและน้ำตาลในหน่วยย่อยที่สุดอยู่ดี ดังนั้น วิธีการคิดต่อขนมปังนั้นให้มองไปเลยว่า หากคุณเดินผ่านร้านขนมปัง เราแนะนำให้คุณดอมดมแล้วรับรู้ว่ามันหอมมาจากกลิ่นเนย การเผาไหม้ของน้ำตาลและแป้ง แล้วขนมปังเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ผลิตเพื่อขายให้คนอื่นเสพติดกินเพื่อให้สุขภาพด้อยลงไป ไม่เคยมีขนมปังก้อนไหนในโลกนี้กินแล้วจะทำให้สุขภาพดีขึ้นได้เลย
4.ไอศครีม เป็นสิ่งที่ประกอบไปด้วย เนย นม ครีม น้ำตาล และสารอาหารหมวดแป้งน้ำตาลและไขมันเป็นหลัก เอามากวนรวมกันแล้วเอาไปทำให้เย็นเป็นน้ำแข็งหรือเป็นครีมแข็ง ทั้งหมดนี้ ออกแบบมา เพื่อให้เสพติดจากสภาพรสหวานเป็นสำคัญ และ คุณไม่สามารถกินไอศครีมเป็นอาหาร เพื่อทำให้สุขภาพดีขึ้นได้หรือประทังชีวิตด้วยการกินมันให้มีชีวิตอยู่ได้เลย ดังนั้นแล้ว หากเลือกได้ว่า คุณควรเลือกที่จะไม่กินมันซะ เท่านั้นเอง ! เพราะ การที่ไอศครีมจะเข้าปากคุณได้ คุณต้องออกแรง ด้วยกำหนัดหรือสิ่งเร้าในสมองของคุณ ชำระเงินแล้วเอามันเข้าปาก ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ได้มีคุณลักษณะใดๆที่ดีต่อสุขภาพกายของคุณเลยแม้แต่นิดเดียว
นี่เป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบของการตัดปริมาณการบริโภคน้ำตาลส่วนเกินออกไปจากสารระบบโดยทั่วไปของคนเมืองปกติ เราสามารถเลือกอาหารทั้งสี่หมวดนี้ได้ไม่ยากนัก โดยมันจะต้องเริ่มจากความเข้าใจเสียก่อนว่า อาหารพวกนี้เป็นเพียงรางวัลพิเศษที่น่าขยะแขยงในการบริโภคในมุมมองสุขภาพกายของคุณ หากคุณมีเป้าหมายที่จะป้องกันตัวเองจากเป็นโรคในหมวด NCD การละอาหารส่วนเกินสี่หมวดนี้จะทำให้คุณชนะโรคและลดโอกาสเกิดโรคจาก NCD ได้อย่างที่คุณจะต้องไม่เชื่อแน่ๆ ใช่แหละ ตอนแรก มันอาจจะทำใจยาก แต่คุณต้องปรับวิธีคิดและมุมมองต่ออาหารสีประเภทนี้ไปก่อนแล้วคุณถึงจะทำมันได้ อย่ามองว่า คุณจะกินมันก็กิน หรืออยากเมื่อไหร่ก็เอาเข้าปากได้ง่ายๆ คุณต้องพร่ำบอกตัวเองว่า นี่เป็นอาหารส่วนเกินและมันก็ไร้สาระเกินไปที่จะทานมันเพื่อรักษาชีวิตและสุขภาพของคุณเอาไว้