จดบันทึกรายจ่ายเพื่อให้รู้ตัวว่าเดือนๆใช้เงินไปแค่ไหนกัน

การจดบันทึกรายจ่าย มีประโยชน์ในการประเมินหารายได้ของเราเอง
ปัญหาการใช้เงินแล้วไม่มีเหลือนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาสำหรับคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเงินเดือน หรือคนที่อยู่บ้านทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน เรื่องนี้ผมมองว่ามันมีทางแก้หรือทางป้องกันได้ไม่ยากเกินไปนัก ไม่ได้แก้ไขด้วยการไม่ซื้ออะไรหรือการเพิ่มการออม แต่อย่างใด แต่มันอยู่ที่ความคิดก่อนเป็นเบื้องต้น วันนี้ผมอยากจะมา share แนวคิดทางการเงิน หรือการจัดการเรื่องการเงินแบบง่ายๆ ที่ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าจะต้องทำ และต้องสร้างนิสัยเอาไว้ เพื่อจะได้จัดการกับการเงินส่วนตัวได้อย่างเหมาะสมครับ

ต้องรู้ว่าครัวเรือนหรือส่วนตัวแล้ว มีเงินไหลออกทั้งหมดเท่าไหร่ 

หลายคนคงไม่กล้าและไม่อยากจะรับรู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองนั้นหรือครอบครัวตัวเอง มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ ความกลัวที่ว่านี้ เป็นความกลัวแบบเดียวกับที่ว่า ไม่อยากจะไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพประจำปี เพราะกลัวว่าจะเจอโรคร้ายอะไรแบบนั้น การคิดแบบนี้เป็นการหนีความจริงอย่างเห็นได้ชัด การที่คุณไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับ ตัวเลขก้อนโต หรือ ค่าใช้จ่ายอันเนื่องความจากความจำเป็น และ ค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากกิเลสในการจับจ่ายของตนเองนั้น จะทำให้คุณไม่มีวั้นรู้ว่าคุณจะต้องมีเงินเท่าไหร่ หรือ อะไรคือปัญหาของการที่คุณไม่มีเงินหมุนได้ทันครับ คุณอาจจะรู้สึกแค่ว่า ตอนนี้มีเงินใช้ไม่พอ หรือมองไม่ไปเงินเก็บแล้วเหมือนว่ามันไม่ได้เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย แย่ไปกว่านั้นมันกลับน้อยลงไปเรื่อยๆทุกเดือนๆ อีกต่างหาก โดยที่คุณรู้แค่ คร่าวๆเท่านั้นว่า คุณอาจจะหารายได้ไม่มากพอ (แต่ก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่) และ คุณก็รู้ได้แค่คร่าวๆเท่านั้นว่า คุณใช้จ่ายมากเกินไป (โดยไม่รู้ว่า มันไหลไปไหนกันแน่อะไรเป็นเงินส่วนใหญ่ที่ไหลออก แล้วมันเอาไปซื้อสิ่งของที่จำเป็นหรือสิ่งเกินจำเป็นกันแน่?)

ดังนั้นแล้ว การเลือกที่จะจดบันทึกเงินไหลออก หรือ ที่คนทั่วไปเรียกว่าค่าใช้จ่ายนั้น เป็นเรื่องที่คนที่มีวินัยและไม่อยากจะให้ตัวเองตกอยู่ในที่นั่งลำบากทางด้านการเงินส่วนตัวเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับหนึ่ง และสำคัญมากที่สุดพอๆกับที่ธนาคารจดบันทึกจำนวนเงินออมให้กับคุณยังไงอย่างงั้น (ลองคิดดูแล้วกันนะครับว่า ถ้าหากว่าธนาคารไม่ได้มีระบบการจดบันทึกรับเงินเข้าและออกที่เป็นเงินของคุณมันจะเป็นอย่างไร แต่คุณเองกลับไม่ได้จดบันทึกเงินเข้าเงินออกที่ไหลผ่านมือคุณไปทั้งๆที่คุณนั่นน่ะหละ เป็นคนที่ทำกิจกรรมจ่ายเงินออกไปจากตัวคุณเอง ผมว่าคุณคงไม่อยากจะฝากเงินกับธนาคารไม่ได้มีการจดบันทึกยอดเงินเข้าและออกบัญชีของคุณจริงมั้ยล่ะครับ แล้วอย่างงี้ ตัวคุณเองแท้ๆ คุณก็ควรจะต้องมีการจดเงินเข้าออกด้วยเหมือนกัน เพราะตัวคุณเองนั่นน่ะหละก็เหมือนกับธนาคารย่อยๆในตัวคุณนั่นเอง)

การรู้ได้ถึงรายจ่ายนั้นอาจจะดูเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะ มันจะทำให้ตัวคุณเองนั้นรู้สึกด้อยค่าลงถ้าหากว่าคุณเองนั้นรู้ว่า เงินที่จ่ายออกนั้นมันมากกว่าหรือใกล้เคียงกับรายได้ แล้วจะรู้สึกกดดันตรงทีว่่า คุณรู้ยอดค่าใช้จ่าย จะทำให้คุณไม่าสามารถจะ “รู้สึก” ใช้ชีวิตแบบหรูหรา เหมือนกับ Financial Freedom หรืออิสระทางการเงินได้ อยากจะใช้อะไรก็ใช้ อยากผ่อนอะไรก็ผ่อน อยากได้อะไรมาตอนนี้ก็ต้องได้ตอนนี้ ! ใช่แล้วครับ เมื่อคุณรู้ว่ารายได้คุณไม่ได้มากพอเพื่อที่จะผ่อนได้ทุกอย่างหรือซื้อทุกอย่างแม้ว่าคุณจะบอกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตก็ตาม มันจะทำให้เกิดความเครียดแล้วปกติแล้ว คนเราก็ไม่อยากจะเครียดหรอกหากว่าไม่จำเป็น แต่การเลือกที่จะไม่บันทึกค่าใช้จ่าย ประเภทเงินไหลออกจากมือนั้น จะทำให้คุณอยู่ในโลกนี้แบบหลอกๆต่อไป และคุณต้องใช้กรรมอันเนื่องมาจากการใช้จ่ายผ่อนสิ่งต่างๆเลือกซื้อของที่เกินจำเป็นเมื่อเทียบกับรายได้ อยู่ดี (อย่าคิดว่าจะหนีพ้น)

คนที่ฉลาดคิดไปอีกขั้น เมื่อไม่จดบันทึกค่าใช้จ่ายแล้วอยากจะทำตัวเหมือนว่ามีอิสระทางการจับจ่ายอีกมันมีตัวช่วยนั่นก็คือ การเลือกใช้เครดิตการ์ด และบัตรกดเงินสด ! ต้องบอกเอาไว้เลยว่า มันเป็นนวัฒกรรมทางการเงินจริงๆ และมันเป็นการปลดแอกความรู้สึกการจับจ่ายได้อย่างน่าอัศขจรรย์กันเลยก็ว่าได้ เพราะ การ์ดพวกนี้จะทำให้คุณสามารถที่จะได้ของมาทันที ไม่ว่ามันจะเกินรายได้ของคุณไปเป็นเท่าๆก็ตาม (ส่วนใหญ่แล้วคนที่ออกเครดิตการ์ดให้จะดูว่าคุณได้เงินเดือนเท่าไหร่และคุณจำนวนเท่าให้เลยว่าคุณจะมีวงเงินใช้จ่ายผ่านบัตรเท่าไหร่ สองเท่า หรือสามเท่าแล้วแต่แบงค์จะโปรด)

การได้มาซึ่งเข้าการ์ดใบนี้เสมือนกับว่า คุณมี Time machine เหมือนกับโดเรม่อนในเรื่องการจ่ายเงิน โดยคุณสามารถนั่งเครื่องข้ามเวลาตัวนี้ไปเอาเงินของคุณเองนั่นน่ะหละที่อยู่ในอนาคตมาใช้ได้ก่อนในตอนนี้ อย่างน้อยก็หนึ่งเดือนก่อนหน้าเป็นอย่างต่ำ โดยไม่เกินวงเงินที่ทางธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตได้กำหนดไว้ ด้วยความสะดวกในการใช้ โดยที่ไม่เห็นเงินสดไหลผ่านตาตัวเองออกไปทำให้รู้สึกดี เพราะเหมือนกับว่าไม่ได้จ่ายเงินอะไร แต่ก็ได้ของมา ย้ำว่า มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่คุณจะได้รับเมื่อคุณใช้เครดิตการ์ดเท่านั้นครับ

และด้วยเครดิตการ์ดอีกทั้งบัตรกดเงินสดจะทำหน้าที่แบบเดียวกัน จักจะทำให้คุณวิ่งเข้าสู่ภาวะความเป็นหนี้ในที่สุด การ์ดพวกนี้ออกแบบมาเพื่อทำให้คุณจ่ายเงินวันนี้ด้วยเงินอนาคตได้ ทำให้คนที่ไม่ได้จดรายจ่ายออกจะรู้สึกว่าเกิดความจำเป็นต้องใช้ขึ้นมาทันที และ นั่นเป็นกับดักอย่างหนึ่งของการจัดการเงินส่วนบุคคลแบบทั่วๆไปที่จะต้องเจอะเจอ หากคุณไม่ได้มีพฤติกรรมที่ดีเยี่ยมในเรื่องการประหยัดอดออมและเขี๋ยมเงินตอนที่จ่ายอยู่แล้วเป็นทุนเดิม (พวกที่เขี๋ยมค่าใช้จ่ายออกจะมีเทคนิคคือจ่ายเป็นเงินสดให้เห็นผ่านตาไปจะได้รู้ว่ามัน … นั่นมันเงินนะ .. อะไรประมาณนี้ จะทำให้โอกาสจ่ายเงินมากๆต่อเนื่องด้วยความถี่น้อยลงไปได้ พวกเขี๋ยมนั้นไม่ต้องอ่านบทความนี้ก็ได้เพราะยังไงซะ ปัญหาเรื่องเงินขาดมือจนวิ่งสู่ความเป็นหนี้ส่วนบุคคลนั้นจะไม่เกิดกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้อย่างแน่นอน)

จุดเริ่มต้นทั้งหมดของเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงที่ผมพิมพ์มาค่อนหน้ากว่านี้นั้น มันก็เป็นเพราะ เรื่องที่ง่ายๆแค่ว่า คุณไม่ได้จดค่าใช้จ่ายทำให้ปิดหูปิดตาตัวเอง ไม่กล้ารับรู้ความเป็นจริงกลัวว่าจะเสียหน้าว่าฉันหารายได้มาไม่พอกับกิเลสตนเอง หรือจะฟังให้ดูน่าสงสารอีกหน่อยก็คือ ฉันหารายได้ไม่พอใช้นั่นเอง แต่ในทางกลับกันถ้าหากว่าคุณรู้ว่าคุณจ่ายอะไรไปหมวดไหนเท่าไหร่ คุณจ่ายเงินด้วยอัตราการไหลออกต่อเดือนหรือต่อวันเท่าไหร่ จะทำให้คุณเริ่มเห็นว่าจะต้องเริ่มต้น แก้ไข โดยการลดค่าใช้จ่ายส่วนไหนออกไปได้ก่อน คุณจะเห็นว่าตอนที่คุณกำลังจะซื้ออะไรนั้น เดือนนี้จ่ายอะไรไปแล้วบ้าง และจะต้องจ่ายอะไรอีกเท่าไหร่ และ ที่สำคัญ เพื่อให้เศรษฐกิจโลกเดือนไปก็คือ คุณจะหารายได้เพิ่มเพื่อสนองความรู้สึกว่าฉันใช้จ่ายได้ตามต้องการแบบพอดีๆนั้นจะต้องมีรายได้เสริมเพิ่มเติมมาอีกเท่าไหร่กันแน่ ! หรือถ้าหากว่ามันเหนื่อยเกินไปแล้วที่จะต้องหารายได้ การเลือกที่จะลดค่าใช้จ่ายเชิงกิเลสออกไปนั้นสามารถทำแทนได้ง่ายกว่าหรือไม่ เป็นต้น

เอาเป็นว่าถ้าหากคุณไม่เคยลองจดขอให้ลองดูครับ มันไม่ได้เสียหายอะไรมันไม่ได้เสียฟอร์มอะไรถ้าหากว่ารายได้คุณน้อยกว่าความอยากจ่ายของคุณในเดือนๆนี้ แต่มันกลับเป็นข้อมูลที่คุณรู้มากขึ้นต่างหากเพื่อที่จะจัดการกับชีวิตการใช้จ่ายของคุณเองได้ .. มันก็น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรือครับ ?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *