สวัสดีครับ วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับสุขภาพตัวเอง โดยเฉพาะเรื่อง ความดันโลหิต (Blood Pressure) ที่ผมพบว่ามีปัญหาเล็กน้อย ค่าของผมสูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย
ค่าความดันโลหิตที่เหมาะสมคือเท่าไร
สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีความเสี่ยงด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ค่าเป้าหมายคือ ไม่เกิน 120/80 มิลลิเมตรปรอท โดย
- ค่าซิสโตลิก (SYS) ควรต่ำกว่า 120
- ค่าดิแอสโตลิก (DIA) ควรต่ำกว่า 80
เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการวัดคือ ตอนเช้า หลังตื่นนอน เพราะสะท้อนค่าที่แท้จริง ไม่ควรเอาค่าที่วัดจากเวลาอื่นมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ 120/80
แม้บางแหล่งข้อมูลหรือคุณหมอจะบอกว่าคนสูงอายุสามารถมีค่าความดันสูงกว่านี้เล็กน้อย (เช่น 130) ได้ แต่ถ้ามองในมุมของการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD) จริงๆ แล้ว การรักษาค่าให้อยู่ต่ำกว่า 120/80 คือเป้าหมายที่ดีที่สุด
ทำไมต้องเข้มงวดกับความดัน
เพราะว่าโรคกลุ่ม CVD เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย มากถึง 76% ของการเสียชีวิตทั้งหมดในปี 2025 ดังนั้นถ้าควบคุมความดันและสารเคมีในเลือดได้ ก็สามารถลดความเสี่ยงการเสียชีวิตไปได้กว่า 80% ซึ่งหมายความว่าคุณเหลือแค่ความเสี่ยงจากสาเหตุอื่นๆ เพียง 1 ใน 5 เท่านั้น
เป้าหมายสุขภาพระยะยาว
สิ่งที่ผมโฟกัสคือการควบคุมสุขภาพในภาพรวม 4 เรื่องใหญ่
- ความดันโลหิต – ให้คงที่และอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่า 120/80
- ระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ย (AUC ของกราฟน้ำตาล) – เพื่อป้องกันเบาหวานและผลกระทบต่อหลอดเลือด
- CAC Score – ค่าที่ตรวจดูคราบพลัค (plaque) ในหลอดเลือด ควรตรวจทุกๆ 5 ปี
- ไขมันในเลือด (Lipid Profile) – โดยเฉพาะ LDL ขนาดเล็ก (Small Dense LDL) และอัตราส่วนไขมันที่เหมาะสม
ทั้งหมดนี้คือหัวใจหลักในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว
การใช้ชีวิตคือกุญแจสำคัญ
โรค CVD ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากพันธุกรรม แต่เกิดจาก พฤติกรรมการใช้ชีวิต ได้แก่ อาหารที่กิน และการออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์ การควบคุมอาหารจึงเปรียบเสมือนการควบคุมคุณภาพน้ำในท่อน้ำ ถ้าน้ำสะอาด ท่อก็สะอาด ถ้าน้ำเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ท่อก็เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
การเปรียบเทียบกับระบบน้ำในบ้าน
เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ผมอยากให้ลองนึกภาพร่างกายเหมือนระบบปั๊มน้ำ
- หัวใจ = ปั๊มน้ำ
- หลอดเลือด = ท่อน้ำ
- เลือด = น้ำในท่อ
- ความดันโลหิต = แรงดันในท่อ
- ค่าทางเคมีในเลือด = คุณภาพน้ำในระบบ
เมื่อเปรียบแบบนี้ คุณจะเห็นชัดว่าทุกอย่างต้องสมดุล ทั้งแรงดัน คุณภาพน้ำ และสภาพท่อ ถ้าปั๊มน้ำทำงานหนักเกินไป หรือท่อมีแรงดันสูงเกินไป ย่อมเกิดการรั่วหรือแตกได้ เช่นเดียวกับหัวใจและหลอดเลือดในร่างกาย
สิ่งที่ควรตรวจเช็กเป็นประจำ
- ความดันโลหิต – ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- อัตราการเต้นหัวใจขณะพัก – คนที่ฟิตยิ่งต่ำยิ่งดี
- ไขมันและน้ำตาลในเลือด – ตรวจสม่ำเสมอเหมือนการตรวจคุณภาพน้ำในบ้าน
- CAC Score – ตรวจหาคราบพลัคอุดตันในหลอดเลือด แม้ไม่สามารถกำจัดได้ แต่ช่วยวางแผนป้องกันได้
- อัลตราซาวด์เส้นเลือดคอ – ป้องกันลิ่มเลือดไหลไปอุดสมองซึ่งอาจทำให้เกิดอัมพาตหรือเสียชีวิตทันที
- ตรวจหัวใจ (EKG/Echo) – ดูสมรรถภาพหัวใจและการทำงานของห้องหัวใจ
- ตรวจหลอดเลือดสมอง – ป้องกันภาวะโป่งพองหรือแตก ซึ่งหากเกิดขึ้น ความเสี่ยงเสียชีวิตสูงกว่า 50%
ทำไมมันสำคัญกว่าระบบน้ำในบ้าน
ถ้าท่อน้ำในบ้านแตก คุณก็แค่ไม่มีน้ำอาบหรือดื่ม แต่ถ้า หลอดเลือดในร่างกายแตก ผลที่ตามมาคือความตายแบบเฉียบพลัน ดังนั้นการใส่ใจควบคุมความดันและคุณภาพเลือดจึงเป็นเรื่องที่ “คุ้มค่าที่สุด” สำหรับการลงทุนเวลาและความพยายาม
บทสรุป: โรคหัวใจและหลอดเลือดคือภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเกินกว่าครึ่ง แต่คุณสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการควบคุมความดัน น้ำตาล ไขมัน และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เหมือนคุณดูแลระบบน้ำในบ้านให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ ความต่างคือระบบน้ำเสียหายยังซ่อมได้ แต่ถ้าระบบเลือดพังลงมาเมื่อไร ผลลัพธ์คือชีวิตที่อาจไม่มีโอกาสแก้ไขอีก